ค่าธรรมเนียมธุรกรรม Bitcoin ที่สูงกลับมาอีกครั้งเนื่องจาก Blockchain เผชิญกับความแออัดบนเครือข่าย
ผู้ใช้ Bitcoin กำลังเผชิญกับความยากลำบากกับค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมที่สูง เนื่องจากบล็อคเชนเริ่มแออัดอีกครั้ง แม้ว่าสาเหตุอาจแตกต่างไปจากที่บางคนคาดไว้ก็ตาม
ข้อมูลจาก mempool.space ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่ให้ข้อมูลเกี่ยวกับธุรกรรม Bitcoin เปิดเผยว่าธุรกรรม Bitcoin ที่มีความสำคัญระดับปานกลางมีค่าใช้จ่าย 34.08 ดอลลาร์ในการดำเนินการอย่างรวดเร็ว
มีธุรกรรมที่ไม่ได้รับการยืนยันมากกว่า 333,400 รายการที่กำลังรอการยืนยัน
เช่นเดียวกับกรณีค่าธรรมเนียม Bitcoin ที่สูงในอดีต สมาชิกหลายคนของชุมชนสกุลเงินดิจิทัลบน Twitter แสดงความผิดหวังกับขีดความสามารถในการทำธุรกรรมที่จำกัดของ Bitcoin และสนับสนุนให้มีการนำโซลูชันเลเยอร์ 2 และไซด์เชนที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นมาใช้
ในทางกลับกัน นักขุด Bitcoin กำลังได้รับรายได้ที่เพิ่มขึ้นเนื่องจากค่าธรรมเนียมที่เพิ่มขึ้น ทำให้ได้รับค่าตอบแทนจาก Bitcoin มากกว่าสองเท่าต่อบล็อก
ความแออัดของเครือข่าย Bitcoin ไม่เกี่ยวข้องกับ Ordinals
ที่น่าประหลาดใจคือ สาเหตุของความแออัดไม่ได้เกี่ยวข้องกับโปรโตคอล Ordinals หรือ Runes ซึ่งก่อนหน้านี้เคยเรียกเก็บค่าธรรมเนียมสูงเกินจริง
CryptoQuant ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มวิเคราะห์สกุลเงินดิจิทัล ระบุว่า OKX ซึ่งเป็นกระดานเทรดคริปโตที่มีชื่อเสียงซึ่งตั้งอยู่ในประเทศเซเชลส์และปัจจุบันเป็นตลาดที่ใหญ่เป็นอันดับสามของโลกตามปริมาณการซื้อขาย เป็นผู้ร้ายหลักที่ทำให้ Bitcoin มีความแออัด
Julio Moreno หัวหน้าฝ่ายวิจัยของ CryptoQuant อธิบายบน Twitter ว่าธุรกรรมภายในของ OKX เพื่อรวมเอาต์พุตทำให้ค่าธรรมเนียมพุ่งสูงขึ้น
เมื่อผู้ใช้ต้องการส่ง Bitcoin จากวอลเล็ทของตนไปยังกระเป๋าเงินอื่น จะต้องจ่ายค่าธรรมเนียมธุรกรรมสำหรับเอาต์พุตธุรกรรมที่ไม่ได้ใช้ (UTXO) ในวอลเล็ทของตน
ซึ่งอาจส่งผลให้มีค่าธรรมเนียมจำนวนมากสำหรับการโอนจำนวนมาก
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ตลาดแลกเปลี่ยนจะจัดการกับธุรกรรมขาเข้าขนาดเล็กจำนวนมากและธุรกรรมขาออกขนาดใหญ่
เพื่อลดค่าธรรมเนียม กระดานแลกเปลี่ยนจะรวม UTXO เข้าด้วยกันโดยใช้จ่ายทั้งหมดในคราวเดียวเมื่อค่าธรรมเนียมเครือข่ายต่ำ และรวมเข้าด้วยกันเป็นผลลัพธ์ที่ใหญ่กว่าภายในกระเป๋าเงินเดียวกัน
อย่างไรก็ตาม เมื่อกระดานแลกเปลี่ยนหลักดำเนินการตามกระบวนการรวมนี้ ค่าธรรมเนียมอาจเพิ่มขึ้นทั่วทั้งเครือข่าย ซึ่งทำให้ผู้ใช้รายอื่นไม่สะดวก
นักพัฒนามองเห็น Programmability ที่จะเป็นตัวเร่งราคาของ Bitcoin
กลุ่มนักพัฒนาบางกลุ่มเชื่อว่าการนำความสามารถในการเขียนโปรแกรมมาใช้กับบล็อคเชนของ Bitcoin จะช่วยผลักดันการพุ่งขึ้นครั้งต่อไปของเหรียญคริปโตที่น่าลงทุนที่ใหญ่ที่สุดนี้ได้
ขณะนี้ Bitcoin ถูกมองว่าเป็นทองคำดิจิทัล โดยการใช้งานหลักคือการเป็นที่เก็บมูลค่า นักพัฒนายืนยันว่าการเพิ่มความสามารถในการเขียนโปรแกรมจะช่วยปลดล็อกฟังก์ชันและแอปพลิเคชันต่างๆ
ไม่เหมือนกับคู่แข่งอย่าง Ether ซึ่งช่วยให้สร้าง smart contract และพัฒนาแอปพลิเคชันแบบกระจายอำนาจบนเครือข่าย Ethereum บล็อคเชนของ Bitcoin ไม่มีความสามารถในการรองรับฟีเจอร์ดังกล่าว
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา นักพัฒนาพยายามแก้ไขข้อจำกัดนี้โดยสร้างเครือข่าย “เลเยอร์ 2” เช่น Lightning ซึ่งมุ่งเป้าไปที่การขยาย Bitcoin สำหรับแอปพลิเคชันการชำระเงิน
อย่างไรก็ตาม โซลูชันเหล่านี้หลายตัวพิสูจน์แล้วว่าไม่น่าเชื่อถือ และสะพานที่เกี่ยวข้องซึ่งใช้ในการถ่ายโอนโทเค็นระหว่างเครือข่ายก็เสี่ยงต่อการถูกแฮ็ก ทำให้ผู้ใช้เกิดความกังวล
