Bitcoin

ไม่มีเหรียญคริปโตสกุลใดที่โดดเด่นไปกว่า Bitcoin (BTC) ความจริง สำหรับใครหลายคน บิทคอยน์ก็คือเหรียญคริปโตนั่นเอง เรามาเจาะลึกกับราคาบิทคอยน์ในปัจจุบัน ประวัติ ประสิทธิภาพที่ผ่านมาในอดีต และอื่นๆ กันเลย หลังจากอ่านคู่มือนี้แล้ว คุณจะเข้าใจว่าบิทคอยน์คืออะไร มีปัจจัยใดบ้างที่ส่งผลต่อราคา กรณีการใช้งาน และอีกมากมาย

ราคาบิทคอยน์

คุณสามารถดูราคาปัจจุบันของ Bitcoin และราคาในอดีตของเหรียญได้ด้านบน ในช่วงแรกนั้น Bitcoin ไม่มีค่าอะไรเลย โดยมีราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 0 ดอลลาร์ หลังจากนั้น ราคาเหรียญก็พุ่งแตะ All Time High เป็น 68,789.63 ดอลลาร์ในวันที่ 10 พฤศจิกายน 2021

อย่างที่คุณสามารถจินตนาการเองได้ ผู้ที่ถือเหรียญแม้เพียงน้อยนิดก็ได้รับกำไรเป็นกอบเป็นกำจนพลิกชีวิตได้ทันที การเพิ่มขึ้นอย่างมากของมูลค่าบิทคอยน์นั้นเป็นส่วนสำคัญของสิ่งที่ดึงดูดนักลงทุนให้สนใจในเหรียญคริปโตตั้งแต่แรก โดยทุกคนต่างหวังว่าเหรียญคริปโตที่ตนลงทุนจะสามารถไปถึง “ดวงจันทร์” ได้ หรือทำให้ตนร่ำรวยจากการลงทุน

เกี่ยวกับบิทคอยน์

Bitcoin เป็นเหรียญคริปโตแบบกระจายอำนาจสกุลแรก ซึ่งได้ปูทางให้กับเหรียญที่เปิดตัวทีหลัง โดยบิทคอยน์สามารถใช้งานได้หลากหลาย บางคนซื้อและถือไว้เป็นการลงทุน บ้างใช้เพื่อซื้อหรือขายสินค้าหรือบริการ นอกจากนี้ยังใช้ในการระดมทุน การบริจาค และอื่นๆ ได้อีกด้วย ปกติ เมื่อผู้คนพูดถึงเครือข่าย Bitcoin พวกเขาจะเขียนคำนี้เป็นตัวพิมพ์ใหญ่ (ในภาษาอังกฤษ) แต่เมื่อพูดถึงหน่วยของเหรียญ ก็จะใช้เป็นตัวพิมพ์เล็ก ถึงอย่างนั้นก็ไม่มีกฎตายตัวแต่อย่างใด และคุณสามารถใช้อย่างไรก็ได้ตามต้องการ

Whitepaper ดั้งเดิมของ Satoshi ระบุและมีโค้ดหลักที่ทำให้มั่นใจได้ว่าจำนวนเหรียญจะถูกจำกะดและจะมีไม่เกิน 21 ล้านเหรียญ ซึ่งคาดว่าจะสร้างได้ในปี 2140 ใครที่ต้องการครอบครองบิทคอยน์จะต้องขุดเหรียญ, ซื้อเหรียญ, หรือ รับเหรียญมาไม่อย่างใดก็อย่างหนึ่ง โดยราคา Bitcoin ส่วนใหญ่แล้วยังอยู่ภายใต้กฎของอุปสงค์และอุปทานเช่นเดียวกับสกุลเงินทั่วไป ซึ่งหมายความว่าราคาเหรียญจะเพิ่มขึ้นเมื่ออุปสงค์สูงและลดลงเมื่ออุปทานลดลง คุณสามารถตรวจสอบกราฟบิทคอยน์แบบสดได้ที่นี่

ราคา Bitcoin อาจมีทิศทางที่ไม่สามารถคาดเดาได้ซึ่งสอดคล้องกับความแปลกของตลาดคริปโต มูลค่าตลาดของเหรียญยังคงน้อยเมื่อเทียบกับสกุลเงินทั่วไปที่ได้รับความนิยมอย่างมาก มูลค่าตลาดของ Bitcoin ได้ทะลุ 300 พันล้านดอลลาร์ไปในเดือนธันวาคม 2017 ในตอนที่ราคาเหรียญสูงถึงเกือบ 20,000 ดอลลาร์ และมูลค่าตลาดก็ลดลงเหลือเกือบ 100 พันล้านดอลลาร์ในช่วงฤดูร้อนปี 2018

เนื่องจากความผันผวนเหล่านี้ การเทรดเหรียญคริปโตจึงไม่ควรถูกมองข้าม ในช่วงเดียวกันนั้น การเทรดไม่ใช่การพนัน และคุณก็ยังสามารถซื้อและขายเหรียญได้โดยการศึกษาสักหน่อย พร้อมกับใช้หลักสามัญสำนึกในแบบที่ดีต่อสุขภาพ

แพลตฟอร์มยอดนิยมที่สามารถเริ่มต้นการเทรดคือกระดานแลกเปลี่ยนคริปโต เพราะคุณต้องคอยติดตามราคาที่ผันผวนของเหรียญ ซึ่งเครื่องมือติดตามราคานี้อาจช่วยได้

ปัจจุบันบิทคอยน์เริ่มเป็นที่ยอมรับอย่างช้าๆ ด้วยค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมที่ค่อนข้างสูง แต่ก็มีการศึกษาที่ช่วยลดค่าธรรมเนียมที่ว่าได้ เช่น Lightning Network

ตามที่คาดไว้ ผลกระทบทั่วโลกของบิทคอยน์ก่อให้เกิดโปรเจกต์ที่คล้ายกันจำนวนหนึ่งที่พยายามแก้ไขปัญหาของ Bitcoin หรือใช้บัญชี Ledger คริปโตเพื่อแก้ไขปัญหาอื่นๆ โดยโปรเจกต์ที่สามารถแก้ปัญหาได้จริงคือ Ethereum (Ether, ETH – ใช้สำหรับสัญญาอัจฉริยะ) หรือ Litecoin (LTC ใช้สำหรับการทำธุรกรรมที่รวดเร็วและมีราคาถูก) ทั้งหมดล้วนสร้างเหรียญขึ้นมาซึ่งอาจหรืออาจจะไม่แข่งขันกันโดยตรงกับ Bitcoin นั่นเอง

Bitcoin ทำงานอย่างไร?

Bitcoin ทำงานบน Bitcoin Ledger ซึ่งเรียกว่า “Blockchain” โดย Bitcoin Blockchain เป็นแบบกระจายอำนาจ และใช้กลไก Proof-of-Work (PoW) สำหรับฉันทามติและการตรวจสอบความถูกต้องของธุรกรรม

กระบวนการตรวจสอบที่ใช้สำหรับธุรกรรม BTC เรียกว่า “การขุด” นี่เป็นกระบวนการที่ใช้พลังงานสูงซึ่งนักขุด Bitcoin จะต้องใช้งานซอฟต์แวร์ที่สร้างแฮช (พลังการขุด) เพื่อจับคู่แฮชของบล็อก คุณสามารถถือได้ว่านี่เป็นกระบวนการแก้ปริศนา เมื่อใดก็ตามที่นักขุดหลายคนกำลังพยายามไขปริศนาเดียวกัน ใครก็ตามที่สามารถแก้ปริศนาได้ก่อนก็จะสร้างบล็อกใหม่และรับรางวัลไปนั่นเอง

โปรดทราบว่ากลไก Proof-of-Work นั้นไม่ได้มีประสิทธิภาพอะไรเป็นพิเศษ และต้องการใช้พลังงานมหาศาล ปัจจัยดังกล่าวทำให้วิธีการอื่นๆ ที่ประหยัดพลังงานมากขึ้นเพื่อให้บรรลุฉันทามติและการตรวจสอบความถูกต้องนั้นเป็นที่ต้องการมากขึ้น ดังนั้น เหรียญคริปโตที่ถูกสร้างมาเพื่อแข่งกับบิทคอยน์บางสกุลจึงใช้ทางเลือกอื่น เช่น กลไก Proof-of-Stake ที่จะสร้างและปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์น้อยลง

ใครเป็นคนสร้าง Bitcoin?

Bitcoin ถูกสร้างขึ้นโดย Satoshi Nakamoto แต่เขาเป็นใครนั้นยังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัด อาจจะเป็นคนเดียวหรือเป็นหลายคนก็ได้ ในปี 2012นาย Nakamoto ได้ระบุว่าเขาอาศัยอยู่ในญี่ปุ่น เป็นผู้ชาย และมีอายุ 37 ปี แต่หลายคนเชื่อว่า เขา เธอ หรือพวกเขามาจากยุโรปหรืออเมริกาเหนือ ตามการใช้ภาษาอังกฤษของตัวเขา (และการใช้วลีของคนฝั่งยุโรป)

บางคนคาดเดาเว่าตัวตนของ Nakamoto ได้แก่ Hal Finney, Dorian Nakamoto, Craig Wright, และ Nick Szabo และยังมีความเป็นไปได้อื่น ๆ อีกมากมายเช่นกัน ในตอนนี้ ยังไม่ทราบแน่ชัดว่าใครคือบุคคลหรือทีมที่อยู่เบื้องหลังการสร้าง Bitcoin โดยเราได้กล่าวถึงประวัติของเหรียญไว้อย่างเจาะลึกแล้วในหน้าประวัติบิทคอยน์

วิธีซื้อและเก็บบิทคอยน์

วิธีซื้อบิทคอยน์

และเก็บไว้อย่างปลอดภัยสามารถทำได้หลายวิธีด้วยกัน หากคุณต้องการซื้อเหรียญนี่คือขั้นตอนที่คุณต้องทำ:

• เข้าร่วมแพลตฟอร์มกระดานเทรดคริปโต หากตัวกระดานเทรดเสนอบริการ Crypto Wallet และคุณพอใจที่จะใช้บริการ ให้ข้ามไปยังขั้นตอนที่ 3 หรือขั้นตอนที่ 2 ได้ทันที
• ดาวน์โหลด Crypto Wallet ซึ่งจะใช้ในการเก็บ Bitcoin ของคุณ
• ยืนยันตัวตนของคุณที่กระดานเทรดคริปโต เพื่อใช้งานบริการทั้งหมดของตัวกระดานเทรด
• ฝากเงินครั้งแรกในบัญชีกระดานเทรดคริปโตโดยใช้สกุลเงินทั่วไป
• แลกเปลี่ยนเงินที่คุณเพิ่งฝากเข้าบัญชีของคุณเป็น Bitcoin
• หากคุณใช้ Crypto Wallet จากที่อื่น ให้โอน BTC ไปยังกระเป๋าเงินดังกล่าว มิฉะนั้นคุณจะต้องเก็บเหรียญไว้ใน Crypto Wallet ของกระดานเทรด

หลายปีก่อน เมื่อ BTC เพิ่งเปิดตัว การซื้อ BTC ครั้งแรกจะค่อนข้างซับซ้อน แต่ปัจจุบันนี้ใครๆ ก็สามารถซื้อได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย การขาย Bitcoin ก็เป็นกระบวนการที่รวดเร็วและง่ายดายเช่นกัน คุณเพียงแค่แลกเปลี่ยนเป็นเงินสกุลอื่นหรือเหรียญคริปโต จากนั้น คุณจะสามารถเก็บไว้ในบัญชีของคุณหรือถอนออกได้

Bitcoin ถูกสร้างขึ้นได้อย่างไร?

Bitcoins ถูกสร้างขึ้นผ่านกระบวนการที่เรียกว่า “การขุด” การขุดเป็นองค์ประกอบสำคัญของการรักษาและการพัฒนา Blockchain Ledger ซึ่งเกี่ยวกับการแก้สมการคริปโตที่ซับซ้อนเพื่อตรวจสอบและบันทึกธุรกรรมบนเครือข่าย โดยต่อไปนี้เป็นวิธีการทำงานของกระบวนการดังกล่าว:

• การตรวจสอบธุรกรรม: นักขุดรวบรวมธุรกรรมจากพูลและตรวจสอบความถูกต้องของธุรกรรมนั้นๆ พวกเขาจะต้องตรวจสอบว่าผู้ส่งมียอดคงเหลือและการอนุญาตที่จำเป็นในการทำธุรกรรมหรือไม่
• การสร้างบล็อก: เมื่อธุรกรรมได้รับการตรวจสอบแล้ว ธุรกรรมเหล่านั้นจะถูกรวมไว้ในบล็อก บล็อกดังกล่าวจะใช้อ้างอิงถึงแฮชของบล็อกก่อนหน้า (สร้างเป็น เชน ขึ้นมา จึงเป็นคำว่า ‘Blockchain’ หรือ ‘บล็อกเชน’) และโค้ดเฉพาะที่เรียกว่า Nonce
• การแก้ปริศนา: นักขุดจะใช้พลังการคำนวณเพื่อค้นหา Nonce ที่สร้างแฮชสำหรับบล็อกใหม่ แฮชต้องเป็นไปตามเกณฑ์ที่เครือข่ายกำหนดเอาไว้ – โดยทั่วไปแล้วจะต้องต่ำกว่าค่าเป้าหมาย กระบวนการนี้ต้องใช้การคำนวณอย่างหนัก ซึ่งเรียกว่ากลไก Proof of Work
• การเพิ่มลงใน Blockchain: เมื่อนักขุดเจอ Nonce ที่ถูกต้องและแฮชที่ถูกต้องสำเร็จ พวกเขาจะต้องส่งบล็อกไปให้ผู้เข้าร่วมเครือข่าย (โหนด) อื่นเพื่อตรวจสอบ หากบล็อกถูกยอมรับก็จะถูกเพิ่มเข้าไปใน Blockchain
• รางวัล: สำหรับการรักษาความปลอดภัยเครือข่ายและการประมวลผลธุรกรรม นักขุดที่สร้างบล็อกที่ถูกต้องได้สำเร็จจะได้รับรางวัลเป็นบิทคอยน์ โดยรางวัลนี้จะลดลงครึ่งหนึ่งทุกๆ สี่ปีโดยประมาณในเหตุการณ์ที่เรียกว่า “Halving” รางวัลเริ่มต้นคือ 50 Bitcoin ต่อบล็อก โดยการอัพเดทครั้งล่าสุดคือ 6.25 รางวัลนี้เป็นเพียงวิธีเดียวในการสร้าง Bitcoin ขึ้นใหม่ โดยอ้างอิงมาจากกระบวนการขุดโลหะมีค่าอย่าง ทองคำ จึงเป็นที่มาของคำว่า ‘การขุด’

การจุดเป็นกระบวนการที่ต้องใช้ทรัพยากรอย่างมาก ต้องใช้ไฟฟ้าและพลังการคำนวณเป็นมหาศาล ความยากในการขุดจะปรับทุกๆ สองสัปดาห์โดยประมาณเพื่อให้อัตราการสร้างบล็อกจะคงที่เมื่อเวลาผ่านไป แม้ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงในกำลังการขุดก็ตาม กระบวนการสร้างบิทคอยน์ขึ้นใหม่ผ่านการขุดเป็นวิธีที่ทางเครือข่ายสามารถยืนยันธุรกรรมและยังคงปลอดภัย โดยมีการกำหนดขีดจำกัดสูงสุดสำหรับจำนวน BTC ที่จะถูกสร้างขึ้น: 21 ล้านเหรียญ

อนาคตของ Bitcoinhe Future of Bitcoin

การพัฒนาที่สำคัญบางอย่างถูกกำหนดไว้สำหรับอนาคตที่กำลังจะเกิดขึ้นของ Bitcoin อย่างแรกเราอาจได้เห็น Bitcoin ETF ได้รับการอนุมัติจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์อเมริกา (ก.ล.ต.) หากเป็นเช่นนั้น BTC อาจเป็นที่ยอมรับมากขึ้น แต่ความผันผวนที่เพิ่มขึ้นก็อาจเป็นไปได้เช่นกัน ดังนั้นจึงเป็นสิ่งที่ต้องระวังหากคุณวางแผนที่จะลงทุนในบิทคอยน์

ในช่วงปี 2024 จะมีเหตุการณ์ Halving สำหรับ Bitcoin ด้วย ผลกระทบของการ Halving คือการลดอัตราการสร้าง BTC เมื่อเกิดขึ้น ตลาดคริปโตก็มีแนวโน้มที่จะตอบสนองต่อการลดลงของอุปทานในอนาคตโดยการเพิ่มอุปสงค์เข้ามา ซึ่งสามารถผลักดันราคาของ BTC ให้สูงขึ้นได้ แน่นอนว่าไม่มีการันตีในเรื่องนี้ แต่ก็อาจเป็นช่วงเวลาที่เหมาะที่จะซื้อบิทคอยน์ คุณสามารถอ่านเพิ่มเติมต่อได้ในคู่มือแนวโน้มราคาบิทคอยน์ของเรา

ความเสี่ยงและความท้าทาย

แม้ว่า Bitcoin ETF ในอนาคตจะเป็นเรื่องดี แต่คุณควรระวังในเรื่องระยะเวลาที่ ETF จะได้รับการอนุมัติในฐานะนักลงทุน หากใช้เวลานานกว่าที่คาดไว้ ราคา BTC ก็อาจจะลดลงไปได้

ต่อไปคือการที่นักลงทุนสถาบันซื้อ BTC จำนวนมาก แน่นอนว่าเรื่องดังกล่าวไม่ใช่อะไรที่เลวร้าย แต่ถ้าพวกเขาซื้อเหรียญมากเกินไป BTC ทั้งหมดก็จะอยู่ในบัญชีของพวกเขาโดยไม่มีการใช้งาน สิ่งนี้อาจส่งผลให้เหรียญ BTC ตายไปในที่สุด

ข้อบังคับและกฎระเบียบของบิทคอยน์

Bitcoin (และเหรียญคริปโตอื่นๆ ) อยู่ภายใต้ข้อบังคับที่คลุมเครือมานานหลายปี หน่วยงานกำกับดูแลของยุโรปกำลังเริ่มออกกฎหมายควบคุมเหรียญคริปโตอย่างเป็นทางการ และทางอเมริกาเองก็อาจจะทำแบบเดียวกัน

ดังที่เราได้กล่าวไว้ก่อนหน้านี้ สำนักงาน ก.ล.ต. อเมริกาอาจอนุมัติ BTC ETF ในปี 2024 ซึ่งจะส่งผลดีในการพัฒนาข้อบังคับของเหรียญ

คุณอาจสังเกตเห็นว่าทาง ก.ล.ต. ได้ดำเนินการด้านข้อบังคับอย่างมากในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาเพื่อปราบปรามบริษัทในภาคคริปโตที่ไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย

นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของหน่วยงานกำกับดูแลที่ให้ความสำคัญกับเหรียญคริปโตอย่างจริงจังมากขึ้น ไม่ใช่เรื่องเลวร้าย การมีกฎหมายควบคุมเหรียญคริปโตอย่างเป็นทางการมากขึ้นจะช่วยปกป้องนักลงทุน เช่นเดียวกับที่ ก.ล.ต. และ CFTC ที่ติดตามบริษัทที่ให้บริการในทางที่ทำให้เกิดการเข้าใจผิดหรือขาดความรับผิดชอบ

ชุมชนและระบบนิเวศ

ระบบนิเวศของ Bitcoin ประกอบไปด้วยนักพัฒนา กระดานแลกเปลี่ยน นักขุด ผู้ Stake เหรียญ และนักลงทุน ทั้งรายย่อยและรายใหญ่ ดังที่เราเพิ่งอธิบายไปว่าระบบนิเวศนี้จะเติบโตหรือซบเซาหรือไม่นั้นจะขึ้นอยู่กับการกระทำของนักลงทุนรายใหญ่เป็นส่วนใหญ่

คุณยังสามารถมีส่วนร่วมในชุมชนบิทคอยน์ซึ่งประกอบด้วยฟอรัม โซเชียลเน็ตเวิร์ก แชท และการพบปะของจริงได้

เปรียบเทียบบิทคอยน์กับเหรียญคริปโตสกุลอื่น

การทำความเข้าใจว่า “Bitcoin คืออะไร” สามารถทำได้ง่ายขึ้นหากเปรียบเทียบในภาพรวม ดังนั้น เรามาเปรียบเทียบ BTC กับเหรียญคู่แข่งกันเลย

ในแง่ของมูลค่าตลาด Ethereum (ETH) นั้นยังมีมูลค่าน้อยกว่า Bitcoin อยู่พอดี อย่างไรก็ตาม เหรียญคริปโตทั้งสองสกุลนี้ก็มีความแตกต่างกันมาก โดย Bitcoin ถูกสร้างขึ้นเพื่อเติมเต็มบทบาทที่คล้ายกันกับสกุลเงินทั่วไป ในขณะที่ ETH ถูกพัฒนามาเพื่อขับเคลื่อนแอพแบบกระจายอำนาจและสัญญาอัจฉริยะ เหรียญทั้งสองสกุลถูกวิพากษ์วิจารณ์ในเรื่องปริมาณพลังงานที่เหรียญต้องใช้ แต่ ETH ได้เปลี่ยนไปใช้กลไก Proof of Stake ที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นเมื่อเดือนกันยายน 2022

Tether (USDT) อยู่ในอันดับที่ 3 ในแง่ของมูลค่าตลาด เป็นเหรียญแบบ Stablecoin ซึ่งยึดดอลลาร์สหรัฐ ดังนั้น แม้ว่ามูลค่าของ 1 BTC จะเพิ่มขึ้นและลดลงอย่างมากเมื่อเทียบกับดอลลาร์ แต่มูลค่าของ 1 USDT มักจะเท่ากับ 1 USD เสมอ

เหรียญอันดับที่ 4 คือ Binance Coin (BNB) ผู้ใช้ Binance จะสามารถใช้ BNB เพื่อชำระค่าธรรมเนียมที่ต่ำกว่าเมื่อเทียบกับเหรียญคริปโตอื่นๆ เมื่อพวกเขาทำธุรกรรมบนแพลตฟอร์ม นี่เป็นกรณีการใช้งานเฉพาะทางมากกว่า BTC และ BNB ยังมีความผันผวนกว่า BTC มาก

คำถามที่พบบ่อย

ตอนนี้คุณเข้าใจแล้วว่า “BTC คืออะไร?” คุณยังเข้าใจถึงเรื่องความเสี่ยง ความท้าทาย และโอกาสที่เป็นไปได้ในอนาคตของบิทคอยน์ด้วยเช่นกัน มาสรุปบทความนี้ด้วยการตอบคำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับบิทคอยน์กันเลย

Bitcoin ปลอดภัยหรือไม่?

Bitcoin ปลอดภัย แต่ความผันผวนของเหรียญคริปโตก็ควรพิจารณาเป็นความเสี่ยงในการลงทุนด้วยเช่นกัน ดังนั้น โปรดตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณไม่ได้ลงทุนด้วยเงินที่คุณไม่สามารถสูญเสียได้

บิทคอยน์ถูกใช้เพื่อทำอะไร?

บิทคอยน์ถูกใช้เพื่อซื้อและขายสินค้าและบริการ ส่งและรับเงิน และลงทุน

ใครสามารถใช้บิทคอยน์ได้บ้าง?

ทุกคนสามารถใช้บิทคอยน์ได้ เพียงแค่ต้องซื้อ BTC ผ่านกระดานแลกเปลี่ยนและมี Crypto Wallet เพื่อเก็บเหรียญ จากนั้นคุณสามารถสร้างที่อยู่ BTC และเริ่มใช้เหรียญดังกล่าวในการทำธุรกรรม