วิธีซื้อบิทคอยน์ (Bitcoin)

ภาคภูมิ เกิดปราบ
| 26 min read

วิธีซื้อบิทคอยน์ (Bitcoin)ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา บิทคอยน์ (Bitcoin) ได้เติบโตขึ้นอย่างน่าทึ่ง จากสกุลเงินดิจิทัลกระแสหลักรุ่นแรกกลายเป็นสินทรัพย์ดิจิทัลที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง ภายในสิ้นปี 2023 บิทคอยน์กลับมาติดอันดับท็อป 10 สินทรัพย์ระดับโลกด้วยมูลค่าตลาดรวม 850,000 ล้านดอลลาร์

การยอมรับจากสถาบันต่างๆ ที่เพิ่มขึ้น อันเป็นผลจากการที่ SEC ตัดสินใจในต้นปี 2024 อนุญาตให้มี Bitcoin Spot ETF ทำให้ผู้คนจำนวนมากเริ่มสงสัยว่าจะซื้อบิทคอยน์ได้อย่างไร

แม้ว่าเทคโนโลยีบล็อกเชน (Blockchain) จะซับซ้อนและมักสร้างความสับสนให้กับคนทั่วไปในการซื้อบิทคอยน์ แต่ปัจจุบันการซื้อบิทคอยน์ก็ง่ายที่สุดเท่าที่เคยมีมา อย่างไรก็ตาม ผู้ซื้อมือใหม่ควรพิจารณาว่าจะซื้อที่ไหนและเมื่อไร Bitcoin เล่นยังไง รวมถึงวิธีการเก็บรักษาที่ปลอดภัยและความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น

ข้อควรพิจารณาสำคัญก่อนซื้อบิทคอยน์


คำถามว่า “จะซื้อบิทคอยน์ได้อย่างไร” ควรเดินคู่ไปกับกลยุทธ์การบริหารความเสี่ยงของนักลงทุน เพราะสกุลเงินดิจิทัลถือเป็นการลงทุนความเสี่ยงสูงทั้งสำหรับผู้ซื้อมือใหม่และที่มีประสบการณ์ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะโครงสร้างแบบกระจายศูนย์ (Decentralized) ที่สกุลเงินดิจิทัลใช้งาน

การแลกเปลี่ยนแบบเพียร์ทูเพียร์ (Peer-to-peer หรือ P2P) เป็นแนวคิดหลักที่สกุลเงินดิจิทัลและบริษัทที่เกี่ยวข้องมุ่งเน้น เพื่อลดการควบคุมจากศูนย์กลางออกจากกระบวนการ แต่การเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้มีความเสี่ยงใหม่ๆ ด้านความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยที่ไม่มีในระบบการเงินแบบดั้งเดิม การตัดคนกลางออกจากกระบวนการทำให้นักลงทุนต้องดูแลความปลอดภัย ความเป็นส่วนตัว และการปกป้องทรัพย์สินของตัวเอง ซึ่งทำให้เกิดช่องโหว่มากขึ้น

นอกจากนี้ ตลาดบิทคอยน์ยังมีความผันผวนสูง ราคาอาจเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลันและคาดเดาได้ยาก ข้อพิจารณาด้านกฎหมายและกฎระเบียบก็เป็นเรื่องซับซ้อนเพิ่มขึ้น เพราะสกุลเงินดิจิทัลยังถือว่าไม่มีการควบคุมมากนักและมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ทำให้การปกป้องผู้บริโภคเป็นเรื่องท้าทาย อ่านเพิ่มเติมที่  แนวโน้มราคาบิทคอยน์

การลงทุนในบิทคอยน์ยังต้องเสียภาษีและอยู่ภายใต้กฎเกณฑ์ของแต่ละประเทศด้วย กำไรจากการขาย การเทรด หรือการจ่ายเงินด้วยบิทคอยน์ มักจะต้องเสียภาษีกำไรจากทุน (Capital Gains Tax) ในขณะที่บิทคอยน์ที่ได้มาจากวิธีอื่นๆ เช่น การขุด (Mining) หรือการ Stake จะต้องเสียภาษีทันที แม้ว่าความเป็นส่วนตัวจะเป็นจุดขายที่น่าสนใจของสกุลเงินดิจิทัลและการลงทุนในบิทคอยน์ แต่หากไม่รายงานรายได้อาจทำให้ถูกปรับและรับโทษได้

วิธีซื้อบิทคอยน์ (Bitcoin)

ขั้นตอนที่ 1: เลือกบริการหรือแพลตฟอร์มซื้อขาย

ขั้นตอนแรกสำหรับผู้ที่สนใจซื้อบิทคอยน์คือการเลือกแพลตฟอร์มที่เหมาะสม ซึ่งมีให้เลือกมากมาย ตั้งแต่โบรกเกอร์ออนไลน์แบบดั้งเดิมไปจนถึงแพลตฟอร์มซื้อขายสกุลเงินดิจิทัล (Crypto Exchange) โดยเฉพาะ

ขั้นตอนที่ 2: เชื่อมต่อกับวิธีการชำระเงิน

ขั้นตอนต่อไปคือการเชื่อมต่อวิธีการชำระเงินกับแพลตฟอร์มที่เลือกเพื่อให้มีเงินสำหรับซื้อบิทคอยน์แล้วแต่แพลตฟอร์ม ผู้ใช้อาจต้องให้ข้อมูลส่วนตัว เช่น เอกสารยืนยันตัวตนหรือข้อมูลการจ้างงาน

แพลตฟอร์มส่วนใหญ่ยอมรับการเชื่อมต่อกับบัญชีธนาคาร บัตรเดบิต หรือบัตรเครดิตโดยตรง แต่บางธนาคารอาจจำกัดหรือขอข้อมูลเพิ่มเติมสำหรับธุรกรรมที่เกี่ยวกับสกุลเงินดิจิทัล

ขั้นตอนที่ 3: ทำความเข้าใจค่าธรรมเนียมและต้นทุน

แต่ละแพลตฟอร์มมีค่าธรรมเนียมและเงื่อนไขการให้บริการที่แตกต่างกัน ซึ่งอาจส่งผลต่อการลงทุนในบิทคอยน์ ก่อนลงทุน ผู้ใช้ควรศึกษาค่าธรรมเนียมการฝาก การทำธุรกรรม และการถอนเงิน เพื่อให้เข้าใจเงื่อนไขของแพลตฟอร์ม บางแพลตฟอร์มหรือโบรกเกอร์อาจยกเว้นค่าธรรมเนียมให้กับผู้ที่ซื้อบิทคอยน์เป็นครั้งแรก

ขั้นตอนที่ 4: สั่งซื้อบิทคอยน์

แพลตฟอร์มซื้อขายสกุลเงินดิจิทัลส่วนใหญ่จะมีฟีเจอร์เลียนแบบการลงทุนในตลาดแบบดั้งเดิม เช่น การเลือกฝากเงินครั้งเดียวหรือแบ่งฝากทุกวัน ทุกสัปดาห์ ทุกเดือน (Dollar Cost Averaging) ผู้ใช้ยังสามารถตั้งคำสั่งหยุดขาดทุน (Stop Loss) และทำกำไร (Take Profit) เพื่อลดความเสี่ยงได้ด้วย

ขั้นตอนที่ 5: การจัดเก็บอย่างปลอดภัย

เมื่อซื้อบิทคอยน์แล้ว สิ่งสำคัญคือต้องเก็บรักษาสินทรัพย์ให้ปลอดภัยด้วยวิธีที่เหมาะสม โดยทั่วไปจะเก็บสกุลเงินดิจิทัลไว้ในวอลเล็ท (Wallet) ซึ่งเป็นตัวกลางเชื่อมต่อผู้ใช้กับ Public key และ Private key

แม้ว่าแพลตฟอร์มซื้อขายส่วนใหญ่จะมี Hot wallet ในการดูแลให้เก็บสกุลเงินดิจิทัลโดยอัตโนมัติ แต่แนะนำให้ผู้ที่จะถือบิทคอยน์ระยะยาวโอนสินทรัพย์ไปยัง Non custodial wallet เพื่อให้มีความเป็นเจ้าของและควบคุมได้อย่างสมบูรณ์

ซื้อบิทคอยน์ที่ไหนได้บ้าง – ภาพรวม


การตัดสินใจว่าจะซื้อบิทคอยน์ด้วยวิธีใดเป็นขั้นตอนแรกสำหรับผู้ที่ต้องการลงทุน สิ่งสำคัญคือต้องรู้ถึงตัวเลือกที่มีอยู่ และประเมินตัวเลือกเหล่านั้นให้สอดคล้องกับเป้าหมาย ระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ และกลยุทธ์การลงทุนโดยรวมของคุณ

แพลตฟอร์มซื้อขายสกุลเงินดิจิทัล (Cryptocurrency Exchanges)

แพลตฟอร์มซื้อขายสกุลเงินดิจิทัลถือเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการซื้อบิทคอยน์ บางแพลตฟอร์มมีสกุลเงินดิจิทัลนับพันสกุล ในขณะที่บางแห่งโฟกัสเฉพาะสกุลเงินที่ได้รับความนิยมสูงสุด แพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนแบบรวมศูนย์ (Centralized Exchanges หรือ CEXs) จะดำเนินการโดยองค์กรแบบรวมศูนย์ ส่วนแพลตฟอร์มกระจายศูนย์ (Decentralized Exchanges หรือ DEXs) ใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนทำงานโดยไม่ต้องอาศัยคนกลาง แต่จะอาศัยสมาร์ทคอนแทร็กต์ (Smart Contracts) เพื่อให้การทำธุรกรรมดำเนินไปโดยอัตโนมัติ

โบรกเกอร์หุ้นแบบดั้งเดิม กองทรัสต์ หรือกองทุน ETF

ปัจจุบันมีเพียงโบรกเกอร์แบบดั้งเดิมไม่กี่รายที่ให้บริการซื้อขายสกุลเงินดิจิทัล แต่สถานการณ์กำลังเปลี่ยนแปลงไป Robinhood เป็นโบรกเกอร์แบบดั้งเดิมรายแรกที่เสนอการเทรดบิทคอยน์ และ ProShares ก็เปิดตัว Bitcoin-linked ETF เป็นรายแรกในเดือนตุลาคม 2021

ETF บางตัวเชื่อมโยงกับบิทคอยน์ผ่านการถือครองหุ้นในบริษัทที่เกี่ยวข้องกับคริปโต ในขณะที่ Fidelity เพิ่มการลงทุนในบิทคอยน์ในบัญชีเงินออม 401k ในปี 2022 การที่ SEC อนุมัติ Spot Bitcoin ETF ในต้นปี 2024 ก็เป็นสัญญาณของการยอมรับที่มากขึ้นจากสถาบันต่างๆ

แอปสกุลเงินดิจิทัล (Cryptocurrency Apps)

สำหรับคนที่สงสัยว่า “ซื้อบิทคอยน์ได้อย่างไร” ตอบคือสามารถซื้อได้โดยตรงผ่านแอปสกุลเงินดิจิทัล ซึ่งมักจะอยู่ในรูปของ Crypto Wallet โดยอาศัยเทคโนโลยีบล็อกเชน ผู้ใช้สามารถซื้อสินทรัพย์ดิจิทัลภายในกระเป๋าสตางค์หรือซอฟต์แวร์ของโปรเจกต์

สิ่งสำคัญอย่างยิ่งคือนักลงทุนต้องแยกแยะความแตกต่างระหว่างกระเป๋าสตางค์แบบมีผู้ดูแล (Custodial Wallet) และแบบไม่มีผู้ดูแล (Non-custodial Wallet) เพื่อตัดสินใจว่าจะเป็นเจ้าของและควบคุมสินทรัพย์ของตัวเองหรือต้องพึ่งพาการจัดการจากบุคคลที่สาม

แพลตฟอร์มเพียร์ทูเพียร์ (Peer-to-Peer หรือ P2P)

แพลตฟอร์ม P2P อำนวยความสะดวกในการทำธุรกรรมบิทคอยน์ระหว่างผู้ใช้โดยตรง โดยไม่ต้องผ่านแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยน ผู้ใช้ตั้งราคาสามารถโพสต์ซื้อหรือขายบิทคอยน์ได้เอง แพลตฟอร์มเหล่านี้มักใช้ระบบชื่อเสียงจากประวัติการทำธุรกรรม มากกว่าใช้ข้อมูลตัวตน แม้ว่านี่จะเป็นโอกาสให้ผู้ใช้เปรียบเทียบราคาบิทคอยน์เพื่อหาดีลที่ดีที่สุด แต่ก็ไม่ได้รับการปกปิดตัวตนเท่ากับแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนแบบกระจายศูนย์

ซื้อบิทคอยน์ที่ไหนได้บ้าง


ในบทความนี้ เราจะพูดถึงวิธีซื้อบิทคอยน์ รวมถึงแหล่งที่ดีที่สุดในการซื้อบิทคอยน์ ตัวเลือกที่พบบ่อยที่สุดได้แก่แพลตฟอร์มซื้อขายและโบรกเกอร์ซื้อขายสกุลเงินดิจิทัล แพลตฟอร์มซื้อขายเปิดให้ให้เทรดเดอร์ทำธุรกรรมระหว่างกัน หรือพูดให้ถูกก็คือผู้ใช้ทำธุรกรรมซื้อและขายกันได้โดยตรง ส่วนโบรกเกอร์จะทำธุรกรรมกับนักเทรดโดยตรง อย่างไรก็ตามทั้งสองวิธีเป็นช่องทางให้ซื้อหรือขายบิทคอยน์ได้

ตัวเลือกที่ดีที่สุดในการซื้อบิทคอยน์

  1. MEXC: แพลตฟอร์มซื้อขายที่ดีที่สุดด้วยค่าธรรมเนียมการซื้อขายฟิวเจอร์ส 0% และมีสกุลเงินดิจิทัลให้เลือกกว่า 1,000 สกุล
  2. OKX: แพลตฟอร์มซื้อขายที่มีบอททำกำไรและสกุลเงินดิจิทัลให้เลือกกว่า 350 สกุล
  3. Binance: แพลตฟอร์มซื้อขายสกุลเงินดิจิทัลที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีสกุลเงินให้เลือก 350 สกุลและมีการซื้อขายฟิวเจอร์ส
  4. Coinbase: แพลตฟอร์มซื้อขายสกุลเงินดิจิทัลที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ มีสกุลเงินให้เลือกกว่า 250 สกุลและมีการซื้อขายขั้นสูง

1. MEXC: แพลตฟอร์มซื้อขายสกุลเงินดิจิทัลโดยรวมดีที่สุด

MEXC ไม่เพียงแต่เป็นแพลตฟอร์มที่ดีที่สุดสำหรับการซื้อบิทคอยน์เท่านั้น แต่ยังมีสกุลเงินดิจิทัลอื่น ๆ อีกกว่า 1,000 สกุลที่ไม่มีในแพลตฟอร์มใหญ่ ๆ อย่าง Coinbase และ Binance ให้เลือกซื้อหรือเทรดด้วย ซื้อหรือเทรดสกุลเงินดิจิทัลด้วยค่าธรรมเนียมการซื้อขายแบบสปอต 0% และเทรดคริปโตฟิวเจอร์สด้วยค่าธรรมเนียม 0% สำหรับคำสั่ง Limit และ 0.02% สำหรับคำสั่ง Market นี่เป็นค่าธรรมเนียมที่ต่ำที่สุดเท่าที่จะหาได้จากแพลตฟอร์มซื้อขายสกุลเงินดิจิทัล

นอกจากนี้ MEXC ยังมีเครื่องมือและกราฟการเทรดขั้นสูง รวมถึงกราฟ TradingView ที่ติดตั้งในตัว ตลอดจนมุมมองคำสั่งซื้อขายซึ่งน่าจะเพียงพอสำหรับนักเทรดคริปโตที่มีประสบการณ์แล้ว

แน่นอนว่านี่ไม่ได้หมายความว่าไม่เหมาะกับมือใหม่ ในทางตรงกันข้าม มือใหม่สามารถซื้อบิทคอยน์หรือสกุลเงินดิจิทัลอื่นๆ ได้อย่างง่ายดาย ผ่านทางการโอนเงินผ่านธนาคารหรือ SEPA ตามประเทศ หรือโดยการซื้อคริปโตด้วยบัตรหรือ Apple และ Google Pay ผ่านบริการของบุคคลที่สาม เช่น Moonpay และ Mercuryo

MEXC

เพิ่มพอร์ตการลงทุนคริปโตของคุณด้วย MEXC Savings ซึ่งคล้ายกับการ Steke คริปโต โดยคุณล็อกเหรียญของคุณในช่วงเวลาหนึ่งเพื่อสะสมดอกเบี้ยในรูปแบบของเหรียญเพิ่มขึ้น ตัวอย่างเช่น USDT มี APR สูงสุดถึง 8.8% ในขณะที่บิทคอยน์มี APR สูงสุดถึง 1.8% แต่มีข้อจำกัดด้านจำนวนเงิน เช่น คุณจะได้รับ APR สูงสุดสำหรับจำนวนเงินสูงสุดถึง $300 สำหรับบางเหรียญ โดยพยายามอ่านเกี่ยวกับข้อจำกัดเหล่านี้ก่อนที่จะล็อกเหรียญ

สำหรับนักลงทุนที่ไม่ต้องการเข้าร่วมตลาดและเทรดคริปโตด้วยตนเองตลอดเวลา สามารถใช้ฟีเจอร์การเทรดแบบก๊อปปี้ ซึ่งคุณสามารถติดตามนักเทรดที่ประสบความสำเร็จและปล่อยให้พวกเขาเทรดเงินทุนของคุณแทนคุณได้ นี่อาจเป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์ในการเพิ่มพอร์ตการลงทุนของคุณนอกเหนือจากการซื้อและถือบิทคอยน์

ค่าธรรมเนียมและการกำหนดราคาของ MEXC

ค่าธรรมเนียมการเทรด 0%
ค่าใช้จ่ายในการซื้อบิทคอยน์มูลค่า 100 ดอลลาร์ 0 ดอลลาร์
ค่าธรรมเนียมบัตรเดบิตหรือ PayPal ขึ้นอยู่กับผู้ให้บริการ
การฝาก / การเทรดขั้นต่ำ  50 ดอลลาร์ ฝากขั้นต่ำผ่านผู้ให้บริการรายอื่น

ข้อดี:

  • เหมาะสำหรับมือใหม่ในการลงทุนบิทคอยน์
  • มีสกุลเงินดิจิทัลให้เลือกมากกว่า 1,000 สกุล
  • MEXC Savings มี APR สูงสุดถึง 8.8% สำหรับ USDT
  • มีระบบการเทรดตามนักเทรดที่ประสบความสำเร็จ
  • มีกราฟและเครื่องมือซับซ้อน

ข้อด้อย:

  • ไม่มีบริการในทุกประเทศ
  • ไม่สามารถถอนสกุลเงินเฟียตได้

2. OKX: ดีที่สุดสำหรับการรับรางวัลในขณะที่ถือครอง (HODL)

OKX เป็นแพลตฟอร์มซื้อขายสกุลเงินดิจิทัลอันดับสองจากปริมาณการซื้อขายอนุพันธ์ ซึ่งหมายความว่า OKX ไม่เพียงแต่เป็นแพลตฟอร์มที่ยอดเยี่ยมในการซื้อบิทคอยน์เท่านั้น แต่ยังเหมาะสำหรับการเทรดบิทคอยน์และอนุพันธ์ด้วย เนื่องจากค่าธรรมเนียมการซื้อขายที่ต่ำของ OKX โดยผู้ที่ต้องการซื้อบิทคอยน์ สามารถซื้อได้โดยตรงบน OKX ด้วยบัตร Apple Pay หรือ Google Pay เมื่อเปิดบัญชีและยืนยันตัวตนแล้ว

จากนั้นสามารถถือบิทคอยน์ไว้บนแพลตฟอร์มและอาจใช้ OKX Earn ด้วย ซึ่งสามารถล็อกเหรียญในช่วงเวลาที่กำหนดและสะสมรางวัลไปพร้อมๆ กัน โดยปัจจุบันจะได้รับ APR สูงสุด 5% สำหรับบิทคอยน์แบบที่ล็อกได้อย่างยืดหยุ่น ซึ่งหมายความว่าสามารถปลดล็อกได้ทุกเมื่อที่ต้องการ

OKX

OKX ยังเป็นหนึ่งในแพลตฟอร์มที่ดีที่สุดสำหรับการซื้อขายสปอตและอนุพันธ์ เนื่องจากมีค่าธรรมเนียมการซื้อขายแบบสปอต 0.08% สำหรับคำสั่งแบบ Limit และ 0.1% สำหรับคำสั่งแบบ Market และหากถือเหรียญ OKB หรือมีสินทรัพย์จำนวนหนึ่งเป็น USD ก็สามารถลดค่าธรรมเนียมลงได้อีก

แพลตฟอร์มนี้ยังมีชื่อเสียงในด้านตลาดบอทการเทรด ซึ่งหมายความว่าสามารถสมัครใช้บอทเทรดหรือสร้างบอทของตัวเองและขายให้กับสมาชิกเพื่อสร้างรายได้เพิ่มเติม

ค่าธรรมเนียมและราคาของ OKX

ค่าธรรมเนียมการเทรด maker/taker 0.08%-0.1%
ค่าใช้จ่ายในการซื้อบิทคอยน์มูลค่า 100 ดอลลาร์ 0.08 – 0.1 ดอลลาร์
ค่าธรรมเนียมบัตรเดบิตหรือ PayPal ขึ้นอยู่กับผู้ให้บริการ
การฝาก / การเทรดขั้นต่ำ  ขึ้นอยู่กับวิธีการฝากเงิน

ข้อดี:

  • ค่าธรรมเนียมต่ำสำหรับการซื้อบิทคอยน์
  • มีสกุลเงินดิจิทัลให้เลือกมากกว่า 350 สกุล
  • มีตลาดบอทการเทรด
  • APR สูงด้วย OKX Earn

ข้อด้อย:

  • ไม่มีบริการในบางประเทศ
  • การสนับสนุนลูกค้ามีจำกัด

3. Binance: แพลตฟอร์มซื้อขายคริปโตที่ถูกที่สุดและใหญ่ที่สุด

วิธีที่ถูกที่สุดในการซื้อบิทคอยน์ในบทความนี้คือผ่านแพลตฟอร์ม Binance ที่มีผู้คนมากมายจากทั่วโลกใช้เริ่มต้นเล่น Bitcoin

อย่างไรก็ตาม สถานที่ตั้งมีบทบาทสำคัญ นักเทรดในสหรัฐฯสามารถเข้าถึงได้เฉพาะ Binance.US ซึ่งได้เปลี่ยนเป็นแพลตฟอร์มซื้อขายคริปโตเท่านั้น หากต้องการซื้อบิทคอยน์บน Binance.US ต้องเติมเงินเข้าบัญชีด้วย USDT (Stablecoin ยอดนิยมที่มีมูลค่า 1 ดอลลาร์) ผ่านผู้ให้บริการรายอื่นก่อน จากนั้นจึงสามารถนำไปแลกเป็น BTC ได้ (โดยไม่มีค่าธรรมเนียมการเทรด) จากการคำนวณราคานี้แล้วพบว่าต้นทุนอยู่ที่ประมาณ 112 ดอลลาร์ในการซื้อ USDT มูลค่า 100 ดอลลาร์ ค่าธรรมเนียมอาจแตกต่างกันไปตามภูมิภาคและความต้องการของเครือข่าย

Binance

แม้ว่า Binance.US จะใช้งานง่าย แต่ขั้นตอนเพิ่มเติมในการซื้อคริปโตนอกแพลตฟอร์มก่อนที่จะสามารถซื้อบิทคอยน์ได้ทำให้ดึงดูดผู้ใช้ในสหรัฐฯ ได้น้อยกว่า Coinbase

หากมีข้อเสียของ Advanced Trade ของ Binance ก็คือมีฟีเจอร์ขั้นสูงมากเกินไปหากแค่ต้องการซื้อ BTC Advanced Trade อัดแน่นไปด้วยเครื่องมือการซื้อขาย รวมถึงการซื้อขายแบบมาร์จิ้น ซึ่งสามารถซื้อขายโดยใช้เลเวอเรจ

ฟีเจอร์ขั้นสูงอื่นๆ ได้แก่ บอทเทรด ซึ่งสามารถทำการซื้อขายแทนได้โดยอัตโนมัติ และการซื้อขายฟิวเจอร์ส ซึ่งช่วยให้คาดการณ์ราคาในอนาคตของบิทคอยน์หรือสินทรัพย์คริปโตอื่นๆ ได้

สำหรับผู้ใช้ที่ต้องการประสิทธิภาพสูง การหาตัวเลือกการซื้อขายที่มีให้บน Binance.com นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย

ค่าธรรมเนียมและราคาของ Binance

ค่าธรรมเนียมการเทรด
  • ซื้อทันที: 0.5% + ส่วนต่าง
  • Advanced Trade: 0.1% สำหรับคำสั่ง Limit และคำสั่ง Market
ค่าใช้จ่ายในการซื้อบิทคอยน์มูลค่า 100 ดอลลาร์
  • ซื้อทันที: 0.50 ดอลลาร์ (ธุรกรรมที่เติมเงินผ่านธนาคาร) + ส่วนต่าง
  • Advanced Trade: 0.10 ดอลลาร์ สำหรับคำสั่ง Limit
ค่าธรรมเนียมบัตรเดบิตหรือ PayPal สูงสุด 3.5% สำหรับธุรกรรมผ่านบัตรเดบิต
การฝาก / การเทรดขั้นต่ำ  ซื้อขายขั้นต่ำ 15 ดอลลาร์

ข้อดี:

  • ค่าธรรมเนียมต่ำสำหรับการซื้อขายแบบธรรมดาและขั้นสูง
  • มีการซื้อขายฟิวเจอร์สและเลเวอเรจ
  • มีบอทเทรด
  • มีคู่เหรียญให้เลือกมากมาย

ข้อด้อย:

  • ฟีเจอร์หลายอย่างไม่มีให้บริการในสหรัฐฯ
  • อาจทำให้นักเทรดมือใหม่รู้สึกสับสน
  • มีข้อจำกัดด้านกฎระเบียบ

4. Coinbase: ดีที่สุดสำหรับการเทรดขั้นสูง

Coinbase เป็นแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัลที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีผู้ใช้งานกว่า 100 ล้านคนทั่วโลก และเป็นบริษัทมหาชนที่ซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ Nasdaq ภายใต้ชื่อย่อ COIN โดยมูลค่าของ Coinbase ตอนเสนอขายหุ้น IPO อยู่ที่ 86 พันล้านเหรียญ ช่วยสร้างแพลตฟอร์มที่มั่นคงสำหรับการเทรดและบริการด้านเศรษฐกิจคริปโต เช่น การเก็บรักษา การให้ยืม และบริการ Staking

Coinbase

การเป็นบริษัทมหาชนยังให้ประโยชน์แก่ผู้ใช้ในแง่ของความโปร่งใสและการกำกับดูแล การยื่นรายงานต่อ SEC และรายงานผลประกอบการของ Coinbase ให้ภาพที่ทันสมัยเกี่ยวกับสุขภาพทางการเงินของบริษัท และยังปฏิบัติตามกฎระเบียบในสหรัฐฯ และตลาดอื่นๆ ที่ Coinbase จดทะเบียนอยู่

ผู้ใช้จะประหยัดค่าธรรมเนียมการซื้อขายโดยใช้ Coinbase Advanced ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มการเทรดที่มีฟีเจอร์ครบครัน มีกราฟ TradingView ที่มีเครื่องมือช่วยซื้อขายกว่า 100 ตัว แต่ขั้นสูงไม่ได้หมายความว่ายากต่อการใช้งาน Coinbase จัดวางตัวควบคุมการซื้อขายให้เข้าถึงได้ง่าย และมีเคล็ดลับการใช้งานที่วางไว้อย่างเหมาะสม

ค่าธรรมเนียมการซื้อขายสำหรับ Coinbase Advanced นั้นต่ำกว่าคู่แข่งบางราย โดยค่าธรรมเนียมคำสั่งซื้อขายแบบมีเงื่อนไข (Limit Order) อยู่ที่เพียง 0.6%

ค่าธรรมเนียมและราคาของ Coinbase

ค่าธรรมเนียมการเทรด
  • Simple Trades: ค่าธรรมเนียมคงที่ $0.99 ถึง $2.99 สำหรับคำสั่งซื้อขายไม่เกิน $75
    3.84% สำหรับคำสั่งซื้อขายเกิน $75 (2.99% สำหรับคำสั่งซื้อขายที่ใช้เงินสด)
  • Coinbase Advanced: 0.6% สำหรับ Limit Orders, 0.8% สำหรับ Market Orders
ค่าใช้จ่ายในการซื้อบิทคอยน์มูลค่า 100 ดอลลาร์
  • Simple Trade: $2.99 (ทำรายการผ่านบัญชีธนาคาร) + ส่วนต่าง (Spread)
  • Coinbase Advanced: $0.60 Limit Order
ค่าธรรมเนียมบัตรเดบิตหรือ PayPal 2.5% สำหรับการฝากเงินผ่าน PayPal (ยกเว้นเมื่อฝากเงินพร้อมกับการซื้อ)
การฝาก / การเทรดขั้นต่ำ  ขั้นต่ำ $2

ข้อดี:

  • ซื้อ Bitcoin ด้วย PayPal ได้
  • ซื้อ Bitcoin ด้วยบัตรเดบิตได้
  • มีสกุลเงินคริปโตให้เลือกมากกว่า 250 สกุล
  • มีแพลตฟอร์มการเทรดขั้นสูงที่มีต้นทุนต่ำ

ข้อด้อย:

  • ค่าธรรมเนียมสูงสำหรับการเทรดธรรมดา (Simple Trades)
  • ค่าธรรมเนียมการเทรดแบบธรรมดาค่อนข้างสับสน

วิธีการซื้อ Bitcoin เพิ่มเติม


ภาพรวมของสกุลเงินดิจิทัลมีวิวัฒนาการอยู่ตลอดเวลา และมีการแนะนำวิธีการใหม่ๆ ในการซื้อ Bitcoin อย่างสม่ำเสมอ

ซื้อ Bitcoin ด้วย PayPal

ผู้ใช้สามารถซื้อ Bitcoin ด้วย PayPal ได้หลายวิธี ไม่ว่าจะเป็นการฝากเงินเข้าแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัลโดยใช้ PayPal หรือเติมเงินเข้าบัญชีและซื้อ Bitcoin โดยตรงบนแพลตฟอร์ม วิธีหลังอาจเหมาะสำหรับผู้ที่คุ้นเคยกับอินเทอร์เฟซของ PayPal

หรือผู้ใช้งานแอป PayPal สามารถใช้ฟีเจอร์ “Checkout With Crypto” เพื่อซื้อสินค้าออนไลน์ด้วย Bitcoin ได้

ซื้อ Bitcoin ด้วยบัตรเครดิต

นักลงทุนอาจเลือกซื้อ Bitcoin ด้วยบัตรเครดิต แต่มักมีค่าธรรมเนียมธุรกรรมสูงกว่าวิธีอื่นๆ จึงไม่ค่อยเป็นที่นิยม แม้ในอดีตจะเข้าถึงได้ไม่ง่ายนักแต่ปัจจุบันมีแพลตฟอร์มและบริษัทบัตรเครดิตจำนวนมากที่รองรับสกุลเงินดิจิทัลแล้ว

ซื้อ Bitcoin ด้วยเงินสด

หากต้องการซื้อ Bitcoin ด้วยเงินสด ผู้ใช้สามารถฝากเงินผ่านตู้ ATM Bitcoin ซึ่งทำงานคล้ายตู้ ATM ทั่วไป แต่จะเชื่อมต่อผู้ใช้กับกระเป๋าเงินดิจิทัลแทนที่จะเป็นบัญชีธนาคาร เพื่ออำนวยความสะดวกในการโอน Bitcoin

ก่อนใช้ตู้ ATM Bitcoin หรือบริการรับแลกเงิน ผู้ใช้ควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าทราบถึงค่าธรรมเนียมที่จะถูกเรียกเก็บ เหมือนกับตู้ ATM ทั่วไปค่าธรรมเนียมเหล่านี้อาจค่อนข้างสูง

ซื้อ Bitcoin ผ่าน eToro

eToro เป็นแพลตฟอร์มเทรดที่ให้ลงทุนในสกุลเงินดิจิทัลหลักทั้งหมด รวมถึง Bitcoin ขั้นแรก ต้องสร้างบัญชีและยืนยันตัวตนบน eToro จากนั้นไปที่ Deposit Funds จากแถบทางด้านซ้าย เลือกสกุลเงินที่ต้องการฝาก ใส่รายละเอียดการชำระเงิน แล้วคลิก Deposit

จากนั้นไปที่หน้า Bitcoin แล้วเลือก Invest โดยหากเลือก Trade หมายความว่าจะซื้อ Bitcoin ในราคาปัจจุบัน หรือเลือก Order ซึ่งหมายถึงกำลังวางคำสั่งซื้อ Bitcoin อัตโนมัติเมื่อมูลค่าถึงระดับที่กำหนด eToro ยังมีกระเป๋าเงินดิจิทัลที่สามารถเก็บ Bitcoin ไว้ได้

การเก็บ Bitcoin อย่างปลอดภัย


ทุกคนที่ซื้อ Bitcoin จะต้องมีที่เก็บที่ปลอดภัย สกุลเงินดิจิทัลสามารถเก็บไว้ในกระเป๋าเงิน 2 ประเภทคือ Hot Wallet หรือ Cold Wallet โดย Hot Wallet มักจะอยู่ในรูปแบบดิจิทัล ส่วน Cold Wallet จะอยู่ในรูปแบบกายภาพ

Hot Wallet กับ Cold Wallet

Hot Wallet เป็นโซลูชันการจัดเก็บแบบดิจิทัลที่สามารถเข้าถึงได้ผ่านเว็บเบราว์เซอร์หรือแอปพลิเคชันบนเว็บ Hot Wallet แบบดูแลเก็บรักษาโดยผู้ให้บริการ (Custodial) จะมีตัวกลางเป็นบุคคลที่สาม เช่น แพลตฟอร์มแลกเปลี่ยน ทำหน้าที่เก็บสกุลเงินดิจิทัลที่ซื้อมาโดยอัตโนมัติ ส่วน Hot Wallet แบบผู้ใช้ดูแลเอง (Non-custodial) จะให้ผู้ใช้ควบคุมทรัพย์สินได้อย่างเต็มที่ รวมถึงรับผิดชอบด้านความปลอดภัยด้วย

ในทางกลับกัน Cold Wallet เป็นตัวเลือกการจัดเก็บทางกายภาพ อาจเป็นอุปกรณ์พกพาที่มีการเข้ารหัส หรือ “Paper Wallet” (เอกสารที่มีข้อมูล Private Key และ Public Key) ไม่มีกระเป๋าเงินใดที่ดีกว่ากันโดยพื้นฐาน แต่ละแบบมีข้อดีข้อเสียเฉพาะตัว

Hot Wallet น่าจะเหมาะสำหรับการจัดการสินทรัพย์ดิจิทัลอย่างรวดเร็วและเชิงรุก จึงเหมาะสำหรับผู้ที่สนใจการลงทุนระยะสั้น

ในทางกลับกัน Cold Wallet ให้ความปลอดภัยในระยะยาวที่ดีกว่า กระเป๋าเงินแบบ Non-custodial จะให้ผู้ใช้ควบคุมสินทรัพย์ได้มากกว่า ในขณะที่กระเป๋าเงินแบบ Custodial อาจเหมาะกับมือใหม่มากกว่า และมาพร้อมการสนับสนุนจากบุคคลที่สาม เช่น การกู้คืนกระเป๋าเงินหรือบัญชี หากทำ Private Key หาย

วิธีการขาย Bitcoin


Bitcoin ทำหน้าที่ได้ทั้งการลงทุนและสื่อกลางในการแลกเปลี่ยน ทำให้นักลงทุนสามารถใช้จ่าย ซื้อขาย หรือถือครองได้ หากไม่ได้วางแผนจะถือครองในระยะยาว หรือสนใจว่าจะใช้ Bitcoin ที่ไหนได้บ้าง การมีกลยุทธ์ออกจากตลาด ซึ่งมักเกี่ยวข้องกับการขาย Bitcoin เป็นสิ่งจำเป็น

โดยทั่วไปแล้ว การขาย Bitcoin จะคล้ายกับกระบวนการซื้อ แพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัลสามารถอำนวยความสะดวกในการขายทันที ในขณะที่แพลตฟอร์มแบบ Peer-to-peer จะช่วยให้ผู้ใช้ระบุราคาที่ต้องการขายได้เอง

แพลตฟอร์มส่วนใหญ่จะเรียกเก็บค่าธรรมเนียมเป็นเปอร์เซ็นต์เมื่อขายสกุลเงินดิจิทัล และมักมีวงเงินถอนออก นักลงทุนสามารถเลือกแลก Bitcoin เป็นสกุลเงินดิจิทัลอื่น โอนไปยัง Stablecoin เพื่อรักษาเสถียรภาพของราคา นำไปใช้จ่ายหรือแปลงเป็นเงินปกติเพื่อถอนออกมา

อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับ วิธีขาย Bitcoin

Bitcoin Minetrix – โปรโตคอล Stake to Mine เป็นนวัตกรรมที่ให้ผู้ใช้เข้าถึงการขุด Bitcoin ได้ง่าย

Bitcoin Minetrix ($BTCMTX) เป็นแพลตฟอร์มใหม่ที่เป็นนวัตกรรม ที่ช่วยให้ผู้ถือโทเค็น $BTCMTX สามารถขุด Bitcoin ได้โดยไม่ต้องลงทุนในฮาร์ดแวร์ราคาแพงที่จำเป็นทั้งหมด

โดยการซื้อและ Stake $BTCMTX ผู้ถือโทเค็นจะได้รับรางวัลเป็นเครดิต ซึ่งสามารถนำไปใช้ในเวลาขุดแบบคลาวด์ได้ นั่นหมายความว่าแทบไม่มีอุปสรรคในการเข้าร่วม มีค่าเริ่มต้นต่ำ ไม่มีสัญญาผูกมัดหรือค่าธรรมเนียมที่ซ่อนอยู่ และนักลงทุนสามารถเข้าถึงโทเค็นของตนได้ตลอดเวลา

Bitcoin Minetrix

นอกจากได้รับผลจากราคา Bitcoin ที่เพิ่มขึ้น ผู้ถือโทเค็นยังได้รับผลตอบแทนจากการ Stake แบบ Passive สูงถึง 59%

ตอนนี้มีการพัฒนาแอปพลิเคชันมือถือ จึงไม่เคยมีเวลาที่ดีกว่านี้ในการลงทุนกับโครงการนี้และให้เงินทำงานด้วยตัวมันเอง สามารถถอนโทเค็นออกได้ทุกเมื่อ ให้ควบคุมการลงทุนได้อย่างเต็มที่ เมื่อถอนโทเค็นออกแล้วก็สามารถโอนไปยังแพลตฟอร์มเพื่อขายได้ หากต้องการ

แม้ว่าการขุดแบบ Cloud Mining จะไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่ Bitcoin Minetrix ช่วยขจัดความจำเป็นในการมีกลุ่มขุดขนาดใหญ่และโครงสร้างพื้นฐานราคาแพง

Bitcoin Minetrix

การลงทุนในโครงการนี้ทำได้ง่าย และภายในไม่กี่นาทีก็สามารถมีโทเค็น $BTCMTX ของคุณเองได้ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมดูได้ที่เว็บไซต์ทางการของ Bitcoin Minetrix

การขายล่วงหน้า (Presale) เริ่มต้น กันยายน 2023
วิธีการซื้อ ETH, USDT, BNB, Card
เครือข่าย Ethereum
การลงทุนขั้นต่ำ ไม่มี
การลงทุนสูงสุด ไม่มี

ข้อคิดสุดท้ายในการลงทุน Bitcoin


อนาคตของการลงทุนใน Bitcoin ดูสดใสมาก เมื่ออุตสาหกรรมคริปโตเคอร์เรนซีเข้าใกล้สถาบันการเงินมากขึ้นและ Decentralized finance (DeFi) เข้าถึงคนทั่วไป การลงทุนใน Bitcoin น่าจะง่ายและเข้าถึงได้มากขึ้นในอนาคต

อย่าลืมว่าการกระจายความเสี่ยงเป็นสิ่งสำคัญในการบริหารความเสี่ยงเมื่อลงทุนในคริปโตเคอร์เรนซี พอร์ตการลงทุนที่สมดุลควรครอบคลุมมากกว่า Bitcoin เพียงอย่างเดียว ควรกระจายไปยังเหรียญและโทเค็นที่มีวัตถุประสงค์การใช้งานและมูลค่าตลาดที่หลากหลาย วิธีนี้จะช่วยกระจายการลงทุนไปทั่วตลาดคริปโตได้อย่างมีประสิทธิภาพ

เราได้รีวิวทางเลือกอื่นของ Bitcoin คือ Bitcoin Minetrix ($BTCMTX) ด้วย ซึ่งเป็นวิธีที่รวดเร็วและไม่ยุ่งยากในการลงทุนใน Bitcoin Mining โดยไม่ต้องลงทุนขนาดใหญ่หรือใช้ฮาร์ดแวร์ราคาแพง

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการซื้อ Bitcoin

ลงทุนใน Bitcoin ดีไหม?

พิจารณารูปแบบการลงทุน เป้าหมายส่วนตัว กลยุทธ์โดยรวม และความกล้าเสี่ยงของคุณ เมื่อตัดสินใจว่าจะซื้อ Bitcoin อย่างไรหรือแม้กระทั่งว่าคุณควรซื้อ Bitcoin หรือไม่ จำไว้ว่าแม้ว่า Bitcoin จะมีความผันผวนน้อยกว่าคริปโตเคอร์เรนซีอื่น ๆ แต่ราคา Bitcoin ก็มีแนวโน้มที่จะผันผวนอย่างมากเมื่อเทียบกับสินทรัพย์แบบดั้งเดิม

ควรซื้อ Bitcoin เท่าไหร่ดี?

ราคาสูงสุดตลอดกาลของ Bitcoin อยู่ที่ 68,000 ดอลลาร์ในปี 2021 นักลงทุนไม่จำเป็นต้องซื้อ Bitcoin เต็มจำนวน เพราะ Bitcoin สามารถแบ่งเป็นหน่วยย่อยได้ ทำให้การลงทุนมีความยืดหยุ่น กลยุทธ์ที่ดีคือรวม Bitcoin เข้ากับแผนการลงทุนที่กว้างขึ้น อาจซื้อทีละน้อยหรือใช้เทคนิค Dollar cost averaging (DCA) เพื่อให้ความผันผวนของราคาเสถียรขึ้น

Bitcoin จะมีมูลค่าเพิ่มขึ้นเมื่อไหร่?

นักลงทุนหลายคนคาดการณ์ว่ามูลค่าของ Bitcoin จะเพิ่มขึ้นในปี 2024 ตรงกับ Halving event ครั้งที่สี่ รูปแบบในอดีตบ่งชี้ว่าจะมี Bull run หลังจาก halving ซึ่งน่าจะผลักดันราคา Bitcoin ให้สูงขึ้น นอกจากนี้ หลายคนเชื่อว่าการอนุมัติ Bitcoin spot ETFs โดย SEC จะนำสินทรัพย์นี้เข้าสู่โลกใหม่ของนักลงทุน และเพิ่มมูลค่าได้อีก

Bitcoin Mining คืออะไร?

Bitcoin mining เกี่ยวข้องกับการตรวจสอบบล็อกเชนโดยการแก้ปริศนา cryptographic เมื่อนักขุด (miners) หาคำตอบที่ถูกต้อง พวกเขาจะได้รับรางวัลเป็น Bitcoin สำหรับการช่วยรักษาความปลอดภัยของเครือข่าย นี่เป็นวิธีที่ Bitcoin ใหม่ถูกนำเข้าสู่อุปทานหมุนเวียนด้วย

อ่านเพิ่มเติม: Bitcoin คืออะไร

การซื้อ Bitcoin ได้รับการคุ้มครองโดย SIPC หรือไม่?

ในอดีตคริปโตเคอร์เรนซีไม่ได้รับการคุ้มครองโดย Securities Investor Protection Corporation (SIPC) อย่างไรก็ตาม การอนุมัติ Bitcoin spot ETFs โดย SEC เมื่อเร็ว ๆ นี้ ซึ่งซื้อขายผ่านโบรกเกอร์ที่ SIPC รับประกัน อาจให้การคุ้มครองในกรณีที่โบรกเกอร์ล้มละลาย

วิธีที่ดีที่สุดในการรักษาทรัพย์สินดิจิทัลให้ปลอดภัยคืออะไร?

นักลงทุนควรใช้ความระมัดระวังทุกวิถีทางเพื่อให้แน่ใจว่าทรัพย์สินดิจิทัลของตนปลอดภัย รวมถึงการเก็บ wallet ไว้อย่างปลอดภัย เช่นเดียวกับการลงทุนในรูปแบบใด ๆ ห้ามให้รหัสผ่านหรือข้อมูลส่วนตัวแก่ใคร และควรเก็บสำเนาของ private key ที่เขียนไว้อย่างปลอดภัยเสมอ

จะสร้าง Bitcoin wallet ได้อย่างไร?

มีหลายวิธีในการสร้าง Bitcoin wallet เช่น ตลาดซื้อขายมักจะมี custodial hot wallets ให้โดยอัตโนมัติ ขณะที่ซอฟต์แวร์ hot wallet อื่น ๆ อาจต้องให้ผู้ใช้ติดตั้งซอฟต์แวร์หรือดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน สร้างบัญชี และป้องกัน private key ของตน cold wallets (ที่เก็บแบบกายภาพ) ต้องซื้อฮาร์ดแวร์และมีคำแนะนำในการตั้งค่าเฉพาะ

การแลกเปลี่ยน Bitcoin ทำงานอย่างไร?

การแลกเปลี่ยน Bitcoin สามารถทำได้ผ่านวิธีและแพลตฟอร์มที่หลากหลาย เช่น ตลาดแลกเปลี่ยน แพลตฟอร์มแบบ peer-to-peer หรือการแลกเปลี่ยนสินค้าและบริการ

แหล่งอ้างอิง