แนวโน้มราคาบิทคอยน์: ข่าวลือเรื่องเฟดลดดอกเบี้ย และอิทธิพลทางการเมือง หรือราคาถัดไปคือ 66,000 ดอลลาร์?

Somchai Wang

4 มีนาคม 2024 08:25 UTC | 8 min read

แนวโน้มราคาบิทคอยน์ยังคงเป็นจุดสนใจของนักลงทุน เพราะราคา BTC กำลังกระโดดขึ้นไปที่ 63,800 ดอลลาร์ เพิ่มขึ้นเกือบ 3.25% ในวันจันทร์ การเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วนี้สะท้อนถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่เพิ่มขึ้นและการที่หลายคนจับตามองการปรับนโยบายการเงินที่ถูกคาดการณ์ไว้ของธนาคารกลางแห่งสหรัฐฯ

หลังจากบิทคอยน์ทะลุระดับแนวต้านสำคัญ ตลาดจะส่งสัญญาณถึงโอกาสทำกำไรที่เพิ่มขึ้นไปอีก โดยเน้นย้ำให้เห็นถึงความสำคัญของการติดตามการพัฒนาทางเศรษฐกิจและภูมิรัฐศาสตร์ที่สำคัญที่อาจมีอิทธิพลต่อแนวโน้มของเหรียญ

กระเหรียญคริปโตแรง: Super Tuesday เน้นย้ำถึงอิทธิพลทางการเมืองของอุตสาหกรรม

เมื่อวัน Super Tuesday ใกล้เข้ามา การมีส่วนร่วมทางการเมืองที่เพิ่มมากขึ้นของอุตสาหกรรมคริปโตก็เริ่มชัดเจนยิ่งขึ้น ด้วยเงินหลายล้านดอลลาร์ที่หลั่งไหลเข้าสู่การเลือกตั้งขั้นต้น จึงเป็นภาคส่วนที่ให้การสนับสนุนผู้สมัครที่สนับสนุนการเหรียญคริปโตอย่างแข็งขัน พร้อมกำหนดเป้าหมายผู้ที่สนับสนุนด้านข้อบังคับที่เข้มงวดมากขึ้น

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กลุ่มรณรงค์ทางการเมือง (PAC) อย่าง Fairshake and Protect Progress ที่ได้รับการสนับสนุนทางการเงินจากยักษ์ใหญ่อย่าง Coinbase และคู่แฝด Winklevoss ได้ใช้เงินไปแล้วกว่า 13 ล้านดอลลาร์ในการเลือกตั้งครั้งสำคัญ การเคลื่อนไหวครั้งนี้เป็นการตอกย้ำกลยุทธ์ของอุตสาหกรรมในการมีอิทธิพลต่อภูมิทัศน์ทางการเมืองเพื่อสนับสนุนเหรียญคริปโต

Super Tuesday to test resurgent crypto industry's political might – Yahoo Finance https://t.co/xymY8DNyYa

— Donald Lewis (@PreferredCrypto) March 3, 2024

ประเด็นสำคัญ ได้แก่:

• กลุ่มรณรงค์ทางการเมืองที่ได้รับการสนับสนุนจาก Coinbase และคู่แฝด Winklevoss ได้จัดสรรเงินมากกว่า 13 ล้านเหรียญดอลลาร์ให้กับการเลือกตั้งครั้งสำคัญ
• การสนับสนุนทางการเมืองของอุตสาหกรรมในรอบการเลือกตั้งปี 2024 มีมูลค่า 59.2 ล้านดอลลาร์ โดยเน้นย้ำถึงอิทธิพลที่เพิ่มขึ้น
• ในขณะที่การผลักดันกฎหมายเพื่อสนับสนุนเหรียญคริปโตอาจช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นของนักลงทุน แต่การตรวจสอบด้านข้อบังคับที่เข้มงวดขึ้นเนื่องจากการใช้จ่ายทางการเมืองอาจทำให้ตลาดไม่มั่นคง

การใช้จ่ายทางการเมืองที่เพิ่มขึ้นจากตลาดคริปโตไม่เพียงแต่บ่งบอกถึงอิทธิพลที่เพิ่มขึ้นเท่านั้น แต่ยังเป็นดาบสองคมได้ด้วย: ซึ่งอาจปูทางไปสู่การออกกฎหมายที่สนับสนุนมากขึ้น หรือเชิญชวนให้มีการกำกับดูแลด้านข้อบังคับเพิ่มขึ้น ซึ่งแต่ละอย่างล้วนมีผลกระทบที่สำคัญต่อการเปลี่ยนแปลงของตลาดและความเชื่อมั่นของนักลงทุน

ดอลลาร์ร่วงเพราะนักลงทุนจับตาดูการเคลื่อนไหวครั้งต่อไปของเฟด ส่วนบิทคอยน์พุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบสองปี

ในภูมิทัศน์ทางการเงิน ณ ปัจจุบัน เงินดอลลาร์สหรัฐประสบภาวะถดถอย ซึ่งเป็นผลมาจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่ลดลงเนื่องจากนักลงทุนในตลาดต่างรอคอยตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจเพิ่มเติมที่อาจบ่งบอกถึงการตัดสินใจเรื่องอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางแห่งสหรัฐฯ ในอนาคต

ในขณะเดียวกัน มูลค่าของบิทคอยน์ก็ขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบสองปี โดยได้รับแรงหนุนจากการลงทุนที่เพิ่มขึ้นในกองทุนเหรียญคริปโต (ETF) ซึ่งเน้นย้ำถึงความต้องการสินทรัพย์ดิจิทัลที่เพิ่มขึ้น ท่ามกลางความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจในปัจจุบัน

Dollar eases as Fed clues awaited; bitcoin hits 2-year high https://t.co/QWfekHu24a pic.twitter.com/KLOcJlwGd0

— Reuters (@Reuters) March 4, 2024

ประเด็นสำคัญ ได้แก่:

• อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลและเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลง ซึ่งได้รับผลกระทบจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่ลดลง
• บิทคอยน์แตะมูลค่าสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2021 โดยเน้นย้ำความสนใจของนักลงทุนในเหรียญคริปโตที่เพิ่มขึ้น
• เงินยูโรยังคงทรงตัว ส่วนการประกาศนโยบายของธนาคารกลางยุโรปที่กำลังจะเกิดขึ้นก็กำลังเป็นที่จับตามอง

ในขณะที่ตลาดเตรียมพร้อมสำหรับคำแถลงการณ์ของผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐอย่าง Jerome Powell และรายงานเศรษฐกิจมหภาคในอนาคต ค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนลงและการพุ่งขึ้นของบิทคอยน์ได้ครอบงำ

การเปลี่ยนแปลงที่ผันผวนของตลาดการเงินโลกการเปลี่ยนแปลงของนักลงทุนที่มีต่อเหรียญคริปโตสะท้อนให้เห็นถึงความคาดหวังที่สูงขึ้นเกี่ยวกับนโยบายของธนาคารกลาง และผลกระทบต่อการประเมินมูลค่าสินทรัพย์แบบดั้งเดิมและดิจิทัล

BlackRock และ Fidelity เป็นผู้นำในกระแส Bitcoin ETF 

ความนิยมของ Bitcoin พุ่งสูงขึ้นได้กระตุ้นการลงทุนใน Bitcoin ETF อย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน โดยมี iShares Bitcoin Trust (IBIT) ของ BlackRock และ Wise Origin Bitcoin Fund ของ Fidelity เป็นผู้นำในครั้งนี้

นับตั้งแต่ได้รับการอนุมัติจาก ก.ล.ต. IBIT ก็ได้ดึงดูด 79% ของการลงทุนใน “Newborn Nine” ETF ซึ่งผลักดันการแข่งขันให้เข้มข้นยิ่งขึ้นเพราะกองทุนคู่แข่งได้ลดค่าธรรมเนียมเพื่อแย่งชิงส่วนแบ่งตลาด

แม้ว่าความไว้วางใจในบิทคอยน์ของ Grayscale Investment จะเปลี่ยนไปเป็น ETF แต่เงินทุนก็ยังไหลออกท่ามกลางค่าธรรมเนียมที่สูงขึ้น ความสำเร็จของ BlackRock อาจเนื่องมาจากเครือข่ายการกระจายสินค้าที่กว้างขวาง เน้นยำถึงความสนใจของนักลงทุนที่เพิ่มขึ้นใน Bitcoin ETF โดยจุดให้บริษัทอย่าง BlackRock ในระดับแนวหน้าของประเภทสินทรัพย์ที่กำลังเติบโตนี้

BlackRock and Fidelity Investments have captured 79% of total inflows into new spot Bitcoin ETFs https://t.co/QcDSTwIa48

— Bloomberg Crypto (@crypto) March 3, 2024

ประเด็นสำคัญ:

• IBIT ของ BlackRock และ Wise Origin Bitcoin Fund ของ Fidelity เป็นผู้นำในการลงทุนใน Bitcoin ETF
• การแข่งขันที่สูงขึ้นของ ETF เนื่องจากบริษัทลดค่าธรรมเนียมเพื่อดึงดูดนักลงทุน
• ความนิยมที่เพิ่มขึ้นของ Bitcoin ETF ส่งสัญญาณถึงความสนใจของนักลงทุนที่เพิ่มขึ้นและผลกระทบต่อตลาดที่อาจเกิดขึ้น

ผู้ก่อตั้ง Chainlink ย้ำว่าภาคการธนาคารคือนักลงทุนคริปโตรายใหม่

Sergey Nazarov ผู้ก่อตั้ง Chainlink ได้ให้ความสำคัญกับการหลั่งไหลของนักลงทุนรายใหม่จากระบบธนาคารทั่วโลกในวัฏจักรของตลาดคริปโตล่าสุด เขาแนะนำว่าแนวโน้มดังกล่าวสามารถเร่งการนำเหรียญคริปโตไปใช้กับสินทรัพย์ในโลกจริงได้อย่างมาก

ด้วยการอนุมัติล่าสุดของ Bitcoin ETF ซึ่งปูทางให้สถาบันเข้าถึงเหรียญคริปโตได้ง่ายขึ้น Nazarov มองว่าการสร้างสินทรัพย์ให้เป็นโทเค็นเป็นการพัฒนาที่สำคัญที่กำลังจะเกิดขึ้นในตลาดคริปโต

Founder of Chainlink: The global financial system is the 'net new buyers' in this cycle pic.twitter.com/jyiGGWhnl8

— CryptoSavingExpert ® (@CryptoSavingExp) March 3, 2024

ประเด็นสำคัญ:

• ระบบธนาคารทั่วโลกกลายเป็นนักลงทุนรายใหม่ที่สำคัญในตลาดคริปโต
• การอนุมัติ Bitcoin ETF ถูกมองว่าเป็นประตูสู่การยอมรับเหรียญคริปโตของสถาบันในวงกว้าง
• สินทรัพย์ที่เป็นโทเค็นและการสนับสนุนชุมชนที่แข็งแกร่งเป็นแรงผลักดันสำคัญสำหรับการเติบโตในอนาคตในตลาดคริปโต

การลงทุนสถาบันที่เพิ่มขึ้นในผลิตภัณฑ์คริปโตหลังจาก ETF ได้รับการอนุมัติและการสนับสนุนชุมชนที่แข็งแกร่งในเหรียญมีมล้วนส่งสัญญาณถึงการยอมรับและความต้องการเหรียญคริปโตในวงกว้าง

การมีส่วนร่วมของสถาบันดังกล่าวและศักยภาพในการแปลงสินทรัพย์แบบโทเค็นจะขยายทางเลือกในการลงทุน และอาจผลักดันให้ราคาของเหรียญคริปโตเพิ่มขึ้นทั้งหมด

การคาดการณ์ราคา Bitcoin

เมื่อวันที่ 4 มีนาคม บิทคอยน์ (BTC/USD) มีการเพิ่มขึ้นเล็กน้อยที่ 0.62% ทำให้ราคาอยู่ที่ 63,535 ดอลลาร์ ขณะนี้เหรียญอยู่เหนือ Pivot Point ที่ 63,256 ดอลลาร์ ซึ่งส่งสัญญาณถึงโอกาสที่ราคาจะเพิ่มขึ้นต่อไป

ระดับแนวต้านหลักถูกกำหนดไว้ที่ 64,255 ดอลลาร์, 65,204 ดอลลาร์ และ 66,362 ดอลลาร์ ซึ่งบิทคอยน์จะต้องทะลุผ่านเพื่อรักษาแนวโน้มขาขึ้น

ในทางกลับกัน ระดับแนวรับที่ 61,600 ดอลลาร์, 60,377 ดอลลาร์ และ 58,864 ดอลลาร์ ถือเป็นหลักประกันจากการร่วงของมูลค่าที่มีโอกาสเกิดขึ้น

ตัวชี้วัดทางเทคนิคเผยให้เห็นถึงความเชื่อมั่นที่หลากหลาย โดย Relative Strength Index (RSI) อยู่ที่ 73 ซึ่งบ่งชี้ว่าบิทคอยน์อาจเข้าสู่ภาวะซื้อมากเกินไป โดยค่าของ MACD ที่ -94 เทียบกับสัญญาณ 1,058 บ่งชี้ถึงความเคลื่อนไหวของตลาดที่ละเอียดอ่อน ซึ่งอาจบ่งบอกถึงการเปลี่ยนแปลงของแนวโน้มที่กำลังจะเกิดขึ้น

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การที่บิทคอยน์ทะลุผ่าน Triangle Pattern แบบขาขึ้นที่ระดับ 63,250 ดอลลาร์ โดยได้รับแรงหนุนจาก Exponential Moving Average (EMA) 50 วันที่ 58,814 ดอลลาร์ ตอกย้ำถึงแนวโน้มขาขึ้น โดยขึ้นอยู่กับการรักษาระดับราคาที่สูงกว่า 63,250 ดอลลาร์

15 อันดับเหรียญคริปโตที่น่าจับตามองในปี 2024

โปรดติดตามข่าวสารล่าสุดเกี่ยวกับโลกแห่งสินทรัพย์ด้วยการสำรวจคอลเล็กชันเหรียญคริปโตและโปรเจกต์ ICO ยอดเยี่ยม ที่เราคัดมาเน้นๆ ในปี 2024 โดยรายการของเราถูกดูแลจัดการโดยทีมผู้เชี่ยวชาญจาส่วน  Industry Talk และ Cryptonews ที่คุณจะได้รับคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญและข้อมูลเชิงลึกสำหรับการลงทุนในคริปโตเคอเรนซี่

ใช้ประโยชน์จากโอกาสนี้เพื่อค้นพบศักยภาพของเหรียญคริปโตเหล่านี้และรับข้อมูลใหม่ๆ อยู่เสมอ