วิธีกระจายพอร์ตคริปโตที่ดีที่สุดในปี 2024

การกระจายพอร์ตคริปโตนั้นสำคัญมาก เนื่องจากอุตสาหกรรมการลงทุนคริปโตมีความผันผวนและเก็งกำไรสูง

ในแง่นี้ พอร์ตที่กระจายการลงทุนอย่างดีควรประกอบด้วยทรัพย์สินคริปโตที่หลากหลายในหลายภาคส่วน วัตถุประสงค์ของบทความนี้คือ สำรวจการกระจายพอร์ตคริปโตที่ดีที่สุดสำหรับนักลงทุนที่ต้องการหลีกเลี่ยงความเสี่ยง

กลยุทธ์การกระจายพอร์ตคริปโตที่ดีที่สุดจะช่วยให้มั่นใจว่าพอร์ตของคุณจะกระจายการลงทุนในทรัพย์สินดิจิทัลหลากหลายประเภท

เหรียญคริปโตที่ดีที่สุดที่ควรเพิ่มไว้ใน Portfolio

ในส่วนนี้ เราจะให้ข้อมูลเชิงลึกว่าพอร์ตที่กระจายการลงทุนอย่างดีควรจัดสรรอย่างไร

1. PlayDoge – เหรียญมีมที่มีแผนจะเปิดตัวเกม P2E ในสไตล์ทามาก็อตจิ พร้อมของรางวัลมากมาย

PlayDoge ถือเป็นเหรียญมีมที่ผสานรวมมนต์เสน่ห์ของมีม Doge เข้ากับเกมเลี้ยงสัตว์ในรูปแบบทามาก็อตจิยอดนิยมแห่งยุค 90 ได้อย่างลงตัว พร้อมแผนการพัฒนาที่จะเปิดตัวเกมในขั้นตอนสุดท้ายของการพัฒนา พร้อมเปิดโอกาสให้นักลงทุนได้ Stake เหรียญก่อนเกมเปิดให้เล่นจริงเพื่อรับผลตอบแทนเพิ่มเติม

หลังจากที่เหรียญมีมที่มีเกม P2E อย่าง Floki Inu มีมูลค่าเพิ่มขึ้นกว่า 50% ทาง PlayDoge จึงเข้ามาใช้ประโยชน์จากเทรนด์ที่กำลังเติบโตนี้ โดยจะเปิดให้เล่นเกมได้ทั้งบนคอมและมือถือ พร้อมให้รางวัลเป็น $PLAY ที่จะสามารถใช้ในการซื้อสินค้าภายในเกมและเข้าถึงฟีเจอร์ต่างๆ ได้เพิ่มเติมในอนาคต โดยนักลงทุนจะสามารถหาเหรียญได้จากการเข้าร่วมเล่นเกมและทำกิจกรรมต่างๆ ภายในเกม

นอกจากนี้ PlayDoge ยังมาพร้อมกับระบบกระดานผู้นำที่จะให้รางวัลผู้ใช้ตามผลคะแนนในภายในเกม หมายความว่าผู้เล่นที่ทำคะแนนได้มากที่สุดก็จะมีสิทธิ์ได้รับผลตอบแทนเพิ่มขึ้นได้นั่นเอง โดยคุณจะสามารถรับคะแนนได้จากการเล่นมินิเกม และการท้าประลองกับสัตว์เลี้ยงของผู้เล่นคนอื่นได้

PlayDoge เปิดขายเหรียญทั้งหมดจำนวน 4.7 พันล้านเหรียญในช่วงพรีเซล จากทั้งหมด 9.4 พันล้านเหรียญ​ โดยเปิดขายทั้งหมด 40 รอบด้วยกัน ตอนนี้เหรียญมีราคาอยู่ที่ 0.00505 ดอลลาร์ และระดมทุนได้แล้ว 3.5 ล้านดอลลาร์ ใครสนใจก็สามารถซื้อได้โดยใช้ ETH, USDT, และบัตรเครดิตผ่านหน้าเว็บไซต์พรีเซลทางการได้เลย!

ใครที่สนใจก็สามารถเข้าร่วมช่อง Telegram และติดตาม PlayDoge บน X (Twitter เดิม) เพื่อรับข้อมูลและความคืบหน้าล่าสุดได้ที่นี่

2. WienerAI — เหรียญมีมพร้อมบอทช่วยเทรด AI

WienerAI ($WAI) เป็นอีกหนึ่งเหรียญมีมที่มาพร้อมยูทิลิตี้อย่างบอทช่วยเทรดที่ขับเคลื่อนด้วย AI ทั้งยังผสานรวมกับความเป็นมีม Doge และคอมมิวนิตี้ Sausage Army สุดแข็งแกร่งที่พร้อมจะสนับสนุนเหรียญในระยะยาว ทำให้เป็นอีกหนึ่งเหรียญที่มีโอกาสโตสูงที่สุดในปัจจุบันเลยก็ว่าได้

WienerAI ยังมาพร้อมกับกับอินเตอร์เฟซที่ใช้งานง่าย พร้อมเปิดให้นักลงทุนสามารถเทรดเหรียญได้อย่างราบรื่นผ่านกระดานเทรดที่ไม่มีค่าธรรมเนียมและมีการป้องกันบอท MEV ที่จะทำให้นักลงทุนสบายใจได้ว่าการเคลื่อนไหวของตนจะไม่สามารถถูกคาดการณ์ไว้ล่วงหน้าด้วยบอทตัวอื่นนั่นเอง

ในปัจจุบัน WienerAI สามารถทำยอดในช่วงพรีเซลได้แล้วถึง 5.2 ล้านดอลลาร์หลังเปิดขายพรีเซลไปเพียงไม่กี่วัน แสดงให้เห็นว่านักลงทุนต่างให้ความสนใจในระดับสูง โดย $WAI มีราคาอยู่ที่ 0.000717 ดอลลาร์ต่อเหรียญและจะเพิ่มขึ้นเป็นรอบๆ นักลงทุนที่สนใจสามารถซื้อเหรียญและ Stake ได้ตั้งแต่เนิ่นๆ เพื่อรับผลตอบแทนสูงสุดก่อนที่จะลดลงเมื่อเวลาผ่านไป

โดยตอนนี้ มีเหรียญถูกนำไป Stake แล้วถึง 4.9 ล้านเหรียญ ซึ่งก็มีคาดการณ์ว่าตัวเลขดังกล่าวจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยให้ผลตอบแทนอยู่ที่ 211% ต่อปีในตอนนี้ หมายความว่ายิ่งคุณ Stake เหรียญเร็วเท่าไหร่ คุณก็จะยิ่งมีโอกาสได้รับผลตอบแทนที่สูงขึ้นเท่านั้นนั่นเอง

ทีมงาน WienerAI กำหนดอุปทานไว้ที่ 69,000 ล้านเหรียญ​ พร้อมเปิดขายเหรียญในช่วงพรีเซลที่ 30% ของอุปทานทั้งหมด และสำรองเหรียญไว้เพื่อเป็นรางวัล Staking และรางวัลคอมมิวนิตี้อีกส่วนละ 20% ถือเป็นอัตราที่เหมาะสำหรับการลงทุนตั้งแต่ช่วงพรีเซลเป็นอย่างมาก

นักลงทุนที่สนใจสามารถติดตาม WienerAI X และเข้าร่วมช่อง WienerAI Telegram เพื่อรับข้อมูลเพิ่มเติมและความคืบหน้าล่าสุดได้ที่นี่

3. Sealana – เหรียญมีมแปลกใหม่ธีมแมวน้ำ จากผู้สร้าง SLERF

Sealana ($SEAL) เป็นอีกหนึ่งเหรียญมีมจากผู้สร้าง SLERF ที่ประสบความสำเร็จไปอย่างล้นหลาม โดยมีการซื้อขายรวมกันถึง 2.7 พันล้านดอลลาร์ในช่วงพรีเซล มาครั้งนี้ Sealana เป็นเหรียญที่ถูกสร้างขึ้นบน Solana Blockchain ที่โด่งดังในเรื่องค่าธรรมเนียมที่ไม่แพง ทั้งยังสามารถทำธุรกรรมได้อย่างรวดเร็ว

ตลาดเหรียญมีมบนเครือข่าย Solana ยังเป็นที่นิยมอย่างมากในปัจจุบัน โดยเหรียญมีมก่อนหน้าอย่าง Slothana ก็มีมูลค่าเพิ่มขึ้นมากถึง 400% หลังจากเปิดตัวบนกระดานเทรด ซึ่งอาจแสดงให้เห็นว่า Sealana ยังมีโอกาสเติบโตได้อีกมากทีเดียว หากคุณต้องการซื้อ $SEAL ก็สามารถโอน SOL เข้าไปยัง DJ15ZYXqUNMYJ3hL7z4ciSaSFAw5cbos3YjGpdvwmF6c เพื่อรอรับเหรียญได้ทันที

เหรียญเปิดขายพรีเซลแบบราคาคงที่ พร้อมใช้แนวทาง “โอนเข้า Wallet โดยตรง” โดย 1 SOL จะได้ 6,900 $SEA และคุณสามารถซื้อเหรียญเท่าไหร่ก็ได้ ส่วนใครที่ไม่สะดวกโอนเหรียญก็สามารถใช้งานวิดเจ็ตบนหน้าพรีเซล และซื้อเหรียญด้วย ETH, USDT หรือบัตรเครดิตได้ในราคา 0.022 ดอลลาร์แบบวิธีปกติก็ได้เช่นกัน

ในปัจจุบัน Sealana ระดมทุนไปแล้วมากถึง 3 ล้านดอลลาร์​ ซึ่งแสดงให้เห็นว่านักลงทุนจำนวนมากต่างๆ ให้ความสนใจในเหรียญและเจ้าแมวน้ำมา ซึ่งเป็นมาสคอตประจำเหรียญที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากตัวละครจากซีรีส์ดังอย่าง Southpark ก็อาจทำให้นักลงทุนสามารถเข้าถึงได้ไม่มากก็น้อย

นักลงทุนที่ต้องการรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถอ่านวิธีซื้อ Sealana และการคาดการณ์ราคา Sealana ของเราได้เพิ่มเติมที่นี่

4. Base Dawgz — เหรียญมีมพร้อมยูทิลิตี้ Multi-chain บนเครือข่าย Base ที่กำลังมาแรง

Base Dawgz ($DAWGZ) เป็นอีกหนึ่งเหรียญมีมธีม Doge ที่มาพร้อมกับยูทิลิตี้มากมาย ทั้งยังเป็นเหรียญบนเครือข่าย Base ที่มีผู้ใช้ถึงเจ็ดล้านคนในปัจจุบัน โดย $DAWGZ ยังทำหน้าที่เป็นเหรียญแบบ Multi-chain ที่เปิดโอกาสให้นักลงทุนบน Solana, Ethereum, Avalanche และ Binance สามารถเข้าถึงเหรียญได้อย่างราบรื่นอีกด้วย

ที่สำคัญ Base Dawgz ยังมาพร้อมกับแคมเปญ “Be Social for Airdrop” ที่มุ่งเน้นในการทำให้เหรียญเป็นที่รู้จักมากขึ้นด้วยเช่นกัน โดยแคมเปญดังกล่าวมาในรูปแบบ Share to Earn ที่ผู้ใช้สามารถเชื่อมต่อบัญชี X และสามารถแชร์มีมและคอนเทนต์ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับ Base Dawgz ก็จะสามารถรับคะแนนที่ใช้แลกเป็นเหรียญ​ $DAWGZ ได้ทันทีนั่นเอง

Base Dawgz ยังมีการจัดสรรเหรียญไว้อย่างเป็นแบบแผน โดยจะเปิดขายเหรียญในช่วงพรีเซลทั้งหมด 20% จากอุปทานสูงสุด, 20% สำหรับการ Staking, 20% สำหรับสภาพคล่อง, 15% สำหรับทั้งการตลาดและรางวัล และสุดท้ายอีก 10% สำหรับกระดานเทรดที่จะเปิดตัวในอนาคต

แม้ว่าจะเปิดตัวไปไม่นาน Base Dawgz ก็สามารถทำยอดในช่วงพรีเซลไปได้แล้วถึง 730,000 ดอลลาร์ พร้อมขายเหรียญในราคาที่ 0.00479 ดอลลาร์ในปัจจุบัน ราคาเหรียญจะเพิ่มขึ้นเมื่อพรีเซลเข้าสู่รอบถัดไป ยิ่งซื้อเร็วเท่าไหร่ ก็จะยิ่งได้เหรียญในราคาที่ถูกลงเท่านั้น นอกจากนี้ เหรียญยังซื้อได้ด้วย USDT, BNB, ETH, AVAX, และ SOL อีกด้วย

นักลงทุนสามารถอ่าน Base Dawgz Whitepaper สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติม หรือจะติดตาม Base Dawgz บน X และเข้าร่วม Base Dawgz บน Telegram เพื่อรับความคืบหน้าล่าสุดก็ได้เช่นกัน

5. Mega Dice Token – คริปโตแบบ CasinoFi มีสิทธิพิเศษอย่างส่วนลดในเกมและ NFT

Mega Dice Token ($DICE) เป็นเหรียญคริปโตแบบ CasinoFi ที่มีผู้เล่นสูงถึง 50,000 คนและมียอดเดิมพันถึง 50 ล้านดอลลาร์ต่อเดือน ถือเป็นอีกหนึ่งคาสิโน Mega Dice ที่ขับเคลื่อนด้วยเหรียญ $DICE เป็นหลักที่น่าสนใจไม่น้อย เมื่อพิจารณาจากทั้งยอดผู้เล่นและยอดเดิมพันต่อเดือน

สิ่งที่ทำให้ $DICE ได้รับความสนใจทั้งในหมู่นักลงทุนและนักพนันก็คือโอกาสในการรับรายได้แบบพาสซีฟเพิ่มเติม โดยตอนนี้ คาสิโนเสนอโบนัสรายวันที่ยึดตามผลการเล่นภายในคาสิโน พร้อมด้วยกิจกรรมแจก Airdrop ที่จะให้รางวัลรวมมูลค่ากว่า 2.25 ล้านดอลลาร์นานถึงสามซีซันอีกด้วย

นอกจากนี้ คาสิโนยังมาพร้อมกับโปรแกรมแนะนำเพื่อนที่คุณจะได้รับค่าคอมมิชชั่นเพิ่มอีก 10% ตามจำนวนเงินที่เพื่อนเติมเข้าคาสิโน โดยไม่มีข้อจำกัดใดๆ ทั้งสิ้น! ตอนนี้เหรียญมีราคาอยู่ที่ 0.075 ดอลลาร์และระดมทุนไปได้แล้วถึง 1.4 ล้านดอลลาร์​ โดยมียอดขายเหรียญไปได้จำนวนกว่า 20 ล้านเหรียญด้วยกัน

นอกจากนี้ ผู้ถือ $DICE ยังมีสิทธิ์ได้เข้าถึงสิทธิประโยชน์ต่างๆ อาทิเช่น โบนัสเงินคืน, รางวัล Airdrop, NFT รุ่นจำกัด และสิทธิในการเข้าร่วมกลุ่มวีไอพีที่ใช้ในการแลกเปลี่ยนข้อมูล ทั้งยังสามารถศึกษาแนวทางการเล่นจากผู้เชี่ยวชาญได้อีกด้วย

เหรียญ $DICE ถูกจำกัดอุปทานทั้งหมดเอาไว้ที่ 420 ล้านเหรียญ และเปิดขายเหรียญ 35% จากอุปทานทั้งหมดในช่วงพรีเซลเพื่อให้เหรียญยังมีโอกาสเติบโตได้เพิ่มเติมในอนาคต ใครสนใจก็สามารถเข้าร่วมช่อง Mega Dice Token Telegram และติดตามบัญชี X (Twitter) เพื่อรับข่าวสารการอัพเดทล่าสุดได้เลย

6. 99Bitcoins – แพลตฟอร์มการศึกษาเกี่ยวกับคริปโต มี APY Staking สูง ระดมทุนได้มากกว่า 2 ล้านดอลลาร์ในช่วงพรีเซล

99Bitcoins เป็นแพลตฟอร์มที่เปิดบริการมานานกว่า 10 ปีด้วยกัน และเพิ่งเปิดขายเหรียญ $99BTC ในช่วงพรีเซลไปเมื่อไม่นานมานี้ โดยแพลตฟอร์มมียอดผู้ติดตามบน YouTube กว่า 700,000 และมียอดคนสมัครเข้าศึกษาบนแพลตฟอร์มถึง 2 ล้านคน ปัจจุบัน นักลงทุนที่สนใจสามารถเข้าร่วมแพลตฟอร์ม Learn to Earn เพื่อรอทำเงินเพิ่มเติมได้เลย

99Bitcoins อาจเข้ามาเปลี่ยนแปลงแนวทาง Learn to Earn ไปตลอดกาล โดยผู้ใช้จะสามารถซื้อเหรียญและเข้ามาศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับเหรียญคริปโตได้เพิ่มเติม ไม่ว่าจะผ่านหลักสูตร แบบทดสอบ หรือบทช่วยสอนต่างๆ ที่ทางแพลตฟอร์มนำเสนอ

นอกจากนี้เหรียญ $99BTC ยังมาพร้อมกับยูทิลิตี้อีกมหาศาล เช่น สิทธิเข้าถึงคอนเทนต์ระดับพรีเมียม กลุ่มสัญญาณเทรดคริปโตจากผู้เชี่ยวชาญ และโอกาสรับของรางวัลเพิ่มเติม ทั้งหมดเพื่อให้นักลงทุนมือใหม่สามารถเปลี่ยนตัวเองมาเป็นนักลงทุนมืออาชีพได้อย่างรวดเร็ว

นอกจากนี้ 99Bitcoins ยังมีคอมมิวนิตี้ที่คึกคักเปิดโอกาสให้นักลงทุนสามารถเข้ามาแลกเปลี่ยนข้อมูล และศึกษารายละเอียดกับสมาชิกคนอื่นได้อย่างเต็มที่ ทั้งยังมีส่วนร่วมในการทำให้เหรียญเติบโตต่อได้อีกในระยะยาวอีกด้วย ถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยหลักๆ ที่ทำให้เหรียญเติบโตต่อได้แบบยั่งยืน

ปัจจุบัน 99Bitcoins จัดกิจกรรมแจก Airdrop $99BTC ครั้งใหญ่ โดยให้รางวัลรวมกว่า 99,999 ดอลลาร์ให้กับนักลงทุนผู้โชคดี 99 คน ใครสนใจสามารถติดตาม X (Twitter) ของ 99Bitcoins Token และเข้าร่วมช่อง Telegram เพื่อติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่นี่

7. Sponge V2 – คริปโตยอดนิยมจากความสำเร็จของ Sponge V1 ที่พุ่งขึ้น 100 เท่าจากราคาพรีเซล

Sponge V2 เป็นคริปโตที่ควรเพิ่มเข้าในพอร์ตของคุณ เพราะมีศักยภาพในการให้ผลตอบแทนมหาศาล เวอร์ชันก่อนหน้าอย่าง Sponge V1 มีมูลค่าทางการตลาดกว่า 100 ล้านดอลลาร์ ที่จุดสูงสุดในปี 2023 ด้วยเกมแนว play-to-earn ที่กำลังจะออกมาและมีชุมชนที่แข็งแกร่งหนุนหลัง Sponge V2 จึงมีศักยภาพที่จะเอาชนะรุ่นก่อนหน้าได้

อย่างไรก็ตาม คุณจะได้รับโทเค็น Sponge V2 ได้ด้วยการ Staking โทเค็น V1 เท่านั้น ถ้าคุณยังไม่มีไว้ครอบครอง ให้ไปที่เว็บไซต์ Sponge V2 เชื่อมต่อ MetaMask หรือกระเป๋า Ethereum อื่นๆ และใช้ ETH หรือ USDT ในการซื้อ

Stake โทเค็นของคุณเพื่อใช้ประโยชน์จากอัตราผลตอบแทนต่อปี (APY) ที่แข็งแกร่ง ซึ่งตอนนี้อยู่ที่กว่า 64% ณ วันที่เขียน ซึ่ง APY จะลดลง ดังนั้นจึงควร Stake โดยเร็วที่สุด แต่ด้วยการจัดสรรโทเค็นมากกว่า 43% ของจำนวนโทเค็นทั้งหมดให้กับการ Staking ตามที่ระบุใน Whitepaper ของ Sponge V2 มีความเป็นไปได้ว่า APY ที่สูงนี้จะอยู่ได้นานกว่าโทเค็นอื่นๆ

เมื่อกระบวนการ Bridge จาก Sponge V1 ไปยังโทเค็น V2 สิ้นสุดลง เฟสที่สองจะเริ่มขึ้น ในช่วงนี้คุณสามารถรับโทเค็นที่ Lock ไว้ได้ ซึ่งคุณสามารถ Stake ต่อไป หรือจะถือ หรือจะขายบนกระดานเทรดหลักๆได้ เนื่องจากโทเค็นจะถูกลิสเรียบร้อยแล้ว ในเฟสที่สาม มีแผนจะปล่อยเกมแนวแข่งรถ play-to-earn

ติดตาม Sponge V2 บน X และเข้าร่วมช่อง Telegram ของ Sponge V2 เพื่อรับข่าวสารล่าสุดเกี่ยวกับโครงการ ถ้าคุณต้องการมีส่วนร่วมกับนักพัฒนาและชุมชน ให้เข้าร่วม Discord ของ Sponge V2

8. eTukTuk – โครงการคริปโตน้องใหม่ที่มุ่งเน้นสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า ที่ระดมทุนได้ 3.4 ล้านดอลลาร์ในรอบพรีเซล

eTukTuk ถือเป็นโปรเจกต์ที่เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม พร้อมรวมเทคโนโลยี Blockchain เข้ากับระบบการโดยสารโดยรถตุ๊กตุ๊กบนโลก Web 3.0 ได้อย่างดีเยี่ยม ทั้งยังเป็นประโยชน์และใช้ได้จริงอีกด้วย โดยโปรเจกต์จะเปิดโอกาสให้คนขับรถตุ๊กตุ๊กในประเทศกำลังพัฒนาได้มีรายได้เพิ่มเติม และเหรียญก็เพิ่งเปิดขายพรีเซลไปได้ไม่นาน ถือว่ายังมีโอกาสอีกมากให้เริ่มลงทุนตั้งแต่ตอนนี้

eTukTuk จะมุ่งเน้นไปที่การจัดตั้งอุปกรณ์จ่ายไฟสำหรับยานยนต์ไฟฟ้า (EVSE) และสถานีชาร์จ EV โดยจะเริ่มติดตั้งเป็นครั้งแรกที่โคลัมโบ ศรีลังกา ก่อน แล้วจากนั้นจะเริ่มต่อยอดไปที่ประเทศอื่นๆ ในอนาคต ด้วยการร่วมมือกับพันธมิตรในพื้นที่ ซึ่งจะช่วยในการลดเรื่องค่าใช้จ่ายได้อีกมาก และฝั่งพันธมิตรจะได้รับค่าคอมมิชชั่นเพิ่มเติมหากมีคนขับรถตุ๊กตุ๊กเข้ามาใช้บริการสถานีชาร์จของพวกเขา

หลักการก็คือคนขับรถตุ๊กตุ๊กจะต้องจ่ายค่าชาร์จด้วย $TUK ผ่านตัวแอพของทาง eTukTuk นั่นเอง ซึ่งจะช่วยทำให้เหรียญเป็นที่ต้องการในระยะยาว เนื่องจากปัจจุบัน มีรถตุ๊กตุ๊กถึง 270 ล้านคันบนท้องถนนทั่วโลกที่ใช้พลังงานที่ใช้แล้วหมดไป ทั้งยังส่งผลเสียต่อสิ่งแวดล้อมเป็นอย่างมาก ทำให้ eTukTuk มองเห็นปัญญาตรงจุดนี้และจะเข้ามาแก้ไข พร้อมป้องกันภาวะโลกร้อนได้อย่างมหาศาล สนับสนุนให้นักลงทุนหันมาใส่ใจสิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้น

เหรียญ $TUK เปิดขายในช่วงพรีเซลที่ราคาเพียง 0.033 ดอลลาร์ และระดมทุนไปได้แล้วกว่า 3.4 ล้านดอลลาร์ ในอนาคต โปรเจกต์จะเปิดตัวเกม P2E ในสไตล์​ “Crazy Taxi” ที่ผู้เล่นจะสามารถทำเงินได้เพิ่มเติมจากการรับและส่งผู้โดยสารระหว่างทาง!

9. Bitcoin – ทรัพย์สินคริปโตที่ดีที่สุดสำหรับจัดพอร์ตแบบความเสี่ยงน้อย

Bitcoin เป็นทรัพย์สินคริปโตที่ใหญ่ที่สุดและมีมูลค่าสูงสุดในตลาดนี้ แม้ Bitcoin อาจเติบโตในอัตราที่ช้ากว่าเมื่อเทียบกับ altcoin ที่ดีที่สุดในตลาด แต่คริปโตเคอเรนซีหลักนี้ให้ความมั่นคงในพอร์ตซึ่งจำเป็นอย่างมาก อย่างน้อยก็ในระยะยาว

เมื่อ Bitcoin ทำสถิติสูงสุดตลอดกาลที่กว่า 68,000 ดอลลาร์ในเดือนพฤศจิกายน 2021 ทรัพย์สินดิจิทัลนี้มีมูลค่ามากกว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์ มูลค่าของ Bitcoin ลดลง 70% จากจุดสูงสุดก่อนหน้า แต่ตอนนี้กำลังกลับขึ้นอย่างมั่นคงอีกครั้งเมื่อเหตุการณ์ Bitcoin halving ใกล้เข้ามา นี่เป็นโอกาสที่ยอดเยี่ยมในแง่ของการกระจายพอร์ตคริปโต เนื่องจากสามารถซื้อคริปโตอย่าง Bitcoin ด้วยราคาที่ลดลงมากก่อนเหตุการณ์สำคัญนี้

แทนที่จะจัดสรรเงินทุนให้ Bitcoin ทั้งหมดในครั้งเดียว นักลงทุนที่อยากเสี่ยงน้อยอาจพิจารณากลยุทธ์การซื้อแบบ Dollar-cost average แทน ซึ่งหมายถึงการซื้อ Bitcoin จำนวนเล็กน้อยแต่ละสัปดาห์หรือแต่ละเดือนด้วยจำนวนเงินคงที่ ด้วยวิธีนี้ การซื้อแต่ละครั้งจะมีราคาซื้อที่ต่างกัน ซึ่งจะถูกคำนวณเฉลี่ยเมื่อเวลาผ่านไป

อีกเหตุผลหนึ่งที่นักลงทุนอาจพิจารณาจัดสรรน้ำหนักให้ Bitcoin อย่างมากคือ อุปทานของ Bitcoin มีจำกัด โดยจะมี Bitcoin เพียง 21 ล้านเหรียญเท่านั้น ทำให้คริปโตเคอเรนซีนี้เป็นทรัพย์สินที่หายาก นอกจากนี้ อุปทานหมุนเวียนของ Bitcoin ก็คงที่และคาดการณ์ได้ โดยมีการสร้างเหรียญใหม่ทุก 10 นาที

10. Ethereum – บล็อกเชน Smart Contract ที่ใหญ่ที่สุด ที่มีโทเค็น ERC-20 นับพัน

รองจาก Bitcoin ก็คือ Ethereum ที่เป็นคริปโตที่ใหญ่เป็นอันดับสองในตลาด นี่เป็นอีกโครงการที่ควรพิจารณาเมื่อกำลังประเมินกลยุทธ์การกระจายพอร์ตคริปโตที่ดีที่สุด ณ ตอนเขียนนี้ Ethereum มีมูลค่าตามราคาตลาดกว่า 402 พันล้านดอลลาร์

เมื่อเทียบกับราคาสูงสุดตลอดกาลของ Ethereum ที่เกือบ 5,000 ดอลลาร์ ตอนนี้คริปโตนี้ซื้อขายอยู่โดยมีราคาลดลงกว่า 33% ในขณะที่มูลค่าของ Ethereum ลดลงอย่างมากนับตั้งแต่ตลาดกระทิงขึ้นไปถึงจุดสูงสุดในช่วงปลายปี 2021 แต่ก็กำลังฟื้นตัวอีกครั้ง นี่ถือเป็นราคาเข้าที่น่าสนใจเมื่อมองถึงการลงทุนใน Ethereum ในแง่ของความยั่งยืน แม้จะมีคู่แข่งอื่นๆในภาคส่วน Smart Contract แต่ Ethereum ก็เป็นเครือข่ายบล็อกเชนหลักในด้านนี้

เพื่อให้เห็นภาพมากขึ้น มีเหรียญ altcoin จำนวนมากถูกสร้างขึ้นบนบล็อกเชน Ethereum ที่เรียกว่าโทเค็น ERC-20 นี่เป็นเพราะ Ethereum เป็นเครือข่ายที่เชื่อถือได้ มีชื่อเสียงในด้านความปลอดภัยและประสิทธิภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่ Ethereum เสร็จสิ้นการ “Merge” ที่เปลี่ยนไปยังระบบ Proof of Stake แล้ว

ระบบ Proof of Stake จะเป็นประโยชน์อย่างมากต่อ Ethereum และโทเค็น ERC-20 เนื่องจากตอนนี้ค่าธรรมเนียมธุรกรรมถูกลงและความเร็วเพิ่มขึ้นมาก นอกจากนี้ Ethereum ยังขยายขนาดได้มากขึ้น ซึ่งอาจดึงดูดโครงการอื่นๆให้มาใช้บริการมากขึ้นภายใต้มาตรฐาน ERC-20 ด้าน ICO ใหม่ๆ ที่น่าสนใจหลายโครงการก็อยู่บน Ethereum ด้วย ซึ่งสร้างความต้องการในบริการ Smart Contract แบบกระจายศูนย์

11. Uniswap – ลงทุนในอนาคตของ DeFi

กลยุทธ์การกระจายพอร์ตคริปโตที่ดีที่สุดคือการจัดสรรเงินลงทุนให้กับเทรนด์และตลาดที่กำลังเติบโต ซึ่งแนวหน้าสุดก็คือ DeFi ที่เสนอบริการทางการเงินแบบดั้งเดิมให้ผู้บริโภคโดยไม่ต้องผ่านคนกลาง โดย Uniswap เป็นผู้นำในด้านนี้ โดยมุ่งเน้นที่โทเค็นบน Ethereum

บน Uniswap นักลงทุนสามารถแลกเปลี่ยนโทเค็น ERC-20 หนึ่งเป็นอีกโทเค็นหนึ่งโดยไม่ต้องสร้างบัญชีหรือให้ข้อมูล KYC ที่ละเอียดอ่อน นักลงทุนเพียงแค่ต้องเชื่อมต่อกระเป๋าคริปโตที่รองรับ Ethereum เข้ากับระบบนิเวศ Uniswap และแลกเปลี่ยนโทเค็นทั้งสองแบบเรียลไทม์ Uniswap ทำสิ่งนี้ได้ผ่านโปรโตคอล Automated Market Maker (AMM)

โดยพื้นฐานแล้ว นี่จะช่วยขจัดความจำเป็นในการใช้คำสั่งซื้อขายแบบเดิม แทนที่จะต้องมีผู้ขายอยู่ในธุรกรรม ระบบ AMM ของ Uniswap จะพึ่งพาสภาพคล่องจาก liquidity pool แต่ละคู่โทเค็นจะมีโทเค็นทั้งสองชนิดในปริมาณที่เท่ากัน ทำให้แน่ใจว่า Uniswap สามารถนำเสนอบริการซื้อขายของตนแบบกระจายอำนาจได้ตลอด 24 ชั่วโมง 7 วันต่อสัปดาห์

นอกจากนี้ ใครก็ตามก็สามารถให้สภาพคล่องแก่ liquidity pools ได้ ซึ่งทำให้นักลงทุนสามารถสร้าง Passive Income จากโทเค็นที่ไม่ได้ใช้งานของตนได้ ดังนั้น Uniswap จึงเป็นหนึ่งในแพลตฟอร์มการลงทุนแบบ yield farming ที่ดีที่สุดสำหรับนักลงทุนที่ต้องการ Passive Income โดยหนึ่งในวิธีที่ง่ายที่สุดในการเพิ่มโทเค็น UNI ลงในพอร์ตคือการลงทุนผ่านช่องทางที่มีการกำกับดูแลและค่าใช้จ่ายต่ำ

สร้างพอร์ตการลงทุนคริปโตที่หลากหลาย – วิธีการจัดสมดุล

ไม่มีกลยุทธ์สูตรสำเร็จตายตัวสำหรับการประเมินพอร์ตการลงทุนคริปโตที่ดีที่สุด เหตุผลก็คือนักลงทุนแต่ละคนมีเป้าหมายทางการเงินและความอดทนต่อความเสี่ยงที่แตกต่างกัน

อย่างไรก็ตาม มีกลยุทธ์หลักหลายอย่างที่สามารถนำมาใช้ได้เพื่อสร้างพอร์ตการลงทุนคริปโตที่สมดุล ซึ่งเราจะพูดถึงโดยละเอียดในส่วนถัดไป

การถ่วงน้ำหนักพอร์ต

จุดเริ่มต้นที่ดีคือการประเมินน้ำหนักของพอร์ตการลงทุนคริปโต “น้ำหนัก” หมายถึงสัดส่วนเปอร์เซ็นต์ของการลงทุนคริปโตแต่ละประเภท พอร์ตที่สมดุลดีควรให้น้ำหนักที่มากไปทางโครงการที่มี market cap ใหญ่และมีความมั่นคง

• แม้น้ำหนักจะถูกกำหนดโดยนักลงทุนในท้ายที่สุด แต่นักลงทุนที่ไม่ชอบความเสี่ยงอาจพิจารณาจัดสรร 70% ของพอร์ตการลงทุนคริปโตให้กับ Bitcoin และ Ethereum
• ข้อสำคัญคือทั้งสองโครงการได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางในอุตสาหกรรมนี้ และถือเป็นสองทรัพย์สินคริปโตระยะยาวที่ดีที่สุด
• ในสถานการณ์นี้ จะเหลือ 30% ของพอร์ตสำหรับโครงการที่มี market cap ขนาดเล็กและขนาดกลาง

แม้จะมีความเสี่ยงมากกว่าเมื่อเทียบกับ Bitcoin และ Ethereum แต่โครงการที่มี market cap ขนาดเล็กที่เพิ่งเข้าสู่อุตสาหกรรมคริปโตสามารถให้ผลตอบแทนสูงกว่าได้

กระจายการลงทุนในแต่ละตลาดเฉพาะทาง

แต่ละโครงการคริปโตในตลาดมีเป้าหมายที่เฉพาะด้าน เช่น Metaverse, NFT gaming, Smart Contract หรือการชำระเงินระหว่างธนาคาร

อย่างไรก็ตาม ภายในแต่ละภาคส่วน จะมีทรัพย์สินคริปโตจำนวนมากที่แข่งขันกันเพื่อแย่งชิงส่วนแบ่งในตลาดนั้นๆ

ลองยกตัวอย่าง Smart Contract

• เราได้กล่าวไปก่อนหน้านี้ว่า Ethereum ครองพื้นที่นี้ ด้วยโทเค็น ERC-20 หลายพันรายการที่สร้างขึ้นบนเครือข่าย
• อย่างไรก็ตาม มีบล็อกเชน Smart Contract อื่นๆ อีกมากในตลาด บางส่วนเสนอการทำธุรกรรมที่เร็วขึ้น ถูกกว่า และขยายขนาดได้มากขึ้น
• ดังนั้น หนึ่งในกลยุทธ์การจัดสรรพอร์ตการลงทุนคริปโตที่ดีที่สุดในเรื่องนี้คือการกระจายเงินลงทุนไปยังโครงการ Smart Contract หลายๆ โครงการ
• แม้ว่า Ethereum อาจได้น้ำหนักมาก แต่อาจจัดสรรเงินทุนให้กับ Solana, Cardano และ Neo ในพอร์ตด้วย

กลยุทธ์นี้ยังสามารถใช้ได้เมื่อลงทุนในโครงการที่มีการเติบโตสูงกว่า ยกตัวอย่างเช่น นอกเหนือจาก Smog และ SpongeV2 แล้ว นักลงทุนอาจจัดสรรเงินให้กับโครงการพรีเซลคริปโตอีกหลายโครงการได้ด้วย

พิจารณาประเภททรัพย์สินอื่นๆ เมื่อลงทุนคริปโต

มักเกิดความเข้าใจผิดว่าวิธีเดียวในการเข้าสู่คริปโตเคอเรนซีคือการซื้อเหรียญแต่ละเหรียญ แม้ว่านี่มักถูกมองว่าเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพที่สุดในการลงทุนคริปโต แต่ก็มีตัวเลือกอื่นๆ ด้วย และที่สำคัญ สิ่งนี้เสนอวิธีเพิ่มเติมในการสร้างพอร์ตการลงทุนที่สมดุลและหลากหลาย

ลองยกตัวอย่าง Coinbase เป็นตัวอย่างหลัก นี่เป็นกระดานเทรดคริปโตขนาดใหญ่ที่ซื้อขายใน NASDAQ เนื่องจาก Coinbase เป็นหุ้นคริปโตโดยแท้ นั่นหมายความว่ามูลค่าของหุ้นจะสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดกับตลาดทั่วไป ที่สำคัญกว่านั้น ในแง่ของการลงทุน Coinbase เปิดรับอุตสาหกรรมในวงกว้าง โดยไม่จำเป็นต้องเลือกโครงการคริปโตที่เหมาะสม

หลีกเลี่ยงการจดจ่อกับคริปโตมากเกินไป

นอกจากนี้ สิ่งสำคัญที่ต้องจำไว้คือ การที่จะกลายเป็นนักลงทุนที่หลีกเลี่ยงความเสี่ยงอย่างแท้จริง พอร์ตการลงทุนไม่ควรอยู่กับคริปโต 100%

ในทางกลับกัน เป็นการฉลาดที่จะพิจารณาลงทุนในสินทรัพย์ประเภทอื่นๆ ทั้งหมด เช่น หุ้น ETF หรือโลหะมีค่า

เมื่อทำเช่นนั้น เมื่อตลาดคริปโตโดยรวมอยู่ในภาวะขาลง เหมือนตอนนี้ สินทรัพย์อื่นๆ ในพอร์ตอาจชดเชยการขาดทุนเหล่านี้ได้

ตัวอย่างเช่น หุ้นน้ำมันและกองทุนดัชนีสร้างผลตอบแทนที่ยอดเยี่ยมในปี 2022 เนื่องจากราคาพลังงานที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ทำไมการมีพอร์ตการลงทุนคริปโตที่สมดุลจึงสำคัญ

อาจเป็นเรื่องน่าดึงดูดที่จะลงทุน “เต็มที่” ในทรัพย์สินคริปโตที่มีศักยภาพในการเติบโตสูง อย่างไรก็ตาม นักลงทุนควรจำไว้ว่าตลาดนี้มีการเก็งกำไรอย่างมาก คริปโตเคอเรนซีส่วนใหญ่ในอุตสาหกรรมนี้ไม่ได้มีประโยชน์ใช้สอยในระยะยาว

แต่นักลงทุนจะซื้อโทเค็นโดยหวังว่าจะทำกำไรในระยะสั้นเท่านั้น แม้ว่ากลยุทธ์นี้อาจใช้ได้ผลสำหรับนักลงทุนบางราย แต่ส่วนใหญ่จะสูญเสียเงินทุนไปในระยะยาว

การลงทุนในโครงการ market cap ขนาดเล็กและการพรีเซลคริปโตยังคงเป็นกลยุทธ์การลงทุนที่เป็นไปได้ อย่างไรก็ตาม นักลงทุนควรคิดให้รอบคอบว่าจะจัดสรรพอร์ตให้กับแต่ละโครงการมากน้อยเพียงใด และจะลงทุนในแต่ละคริปโตมากเท่าใด ปัจจัยอีกประการที่ต้องคำนึงถึงคือตอนนี้มีคริปโตเคอเรนซีมากกว่า 21,000 รายการใน CoinMarketCap

สภาพคล่องที่มีอยู่ค่อนข้างจำกัด หมายความว่าไม่ใช่ทุกโครงการที่จะเติบโต แต่ด้วยการลงทุนในโครงการจำนวนมากด้วยเงินจำนวนที่เหมาะสม สิ่งนี้จะเป็นกลยุทธ์การจัดสรรพอร์ตการลงทุนคริปโตที่ดีที่สุดในระยะยาว

วิธีกระจายพอร์ตการลงทุนคริปโตของคุณ

การสร้างพอร์ตการลงทุนคริปโตเคอเรนซีที่กระจายตัวและมีความสมดุลอาจเป็นเรื่องท้าทายสำหรับมือใหม่ ในส่วนนี้ เรานำเสนอภาพรวมแบบทีละขั้นตอนว่าควรดำเนินการอย่างไร

ขั้นตอนที่ 1: ประเมินเงินทุนการลงทุน

ขั้นตอนแรกที่นักลงทุนควรทำคือ ประเมินว่าสามารถจัดสรรเงินทุนให้กับพอร์ตการลงทุนคริปโตได้มากเท่าใด นี่ควรเป็นจำนวนที่นักลงทุนยอมที่จะสูญเสียได้ เนื่องจากลักษณะที่ไม่แน่นอนและผันผวนของทรัพย์สินคริปโต

ขั้นตอนที่ 2: สร้างกลยุทธ์ DCA (Dollar Cost Averaging)

เมื่อประเมินขนาดของเงินทุนแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือสร้างกลยุทธ์ DCA นั่นหมายความว่าแทนที่จะลงทุนด้วยเงินทั้งหมดในครั้งเดียว นักลงทุนจะแบ่งการซื้อคริปโตแต่ละครั้งออกไปเป็นระยะเวลาที่ยาวนานขึ้น

• ตัวอย่างเช่น สมมติว่านักลงทุนมีเงินทุน 5,000 ดอลลาร์ที่ต้องการจัดสรรลงในพอร์ตการลงทุน
• ตัวอย่างของกลยุทธ์ DCA ที่สมเหตุสมผลคือการแบ่งเงินทุน 5,000 ดอลลาร์เป็นการลงทุนรายเดือน 10 ครั้ง ครั้งละ 500 ดอลลาร์

นั่นหมายความว่านักลงทุนจะทยอยซื้อทรัพย์สินแต่ละชนิดในราคาเฉลี่ย

ขั้นตอนที่ 3: กำหนดน้ำหนักของพอร์ต

ก่อนประเมินว่าคริปโตใดคือคริปโตที่น่าลงทุน นักลงทุนควรประเมินน้ำหนักพอร์ตการลงทุนก่อน ควรกำหนดโดยใช้เป้าหมายทางการเงินและความอดทนต่อความเสี่ยงของนักลงทุน

เพื่อให้เห็นภาพมากขึ้น นักลงทุนอาจพิจารณาจัดสรร 70% ของพอร์ตให้กับคริปโตเคอเรนซีที่มีมูลค่าสูง ซึ่ง Large cap หรือ Large capitalization หมายถึงมูลค่าตลาดอย่างน้อย 10,000 ล้านดอลลาร์

ต่อไป นักลงทุนอาจพิจารณาจัดสรร 20% ให้กับโครงการ Medium cap ที่มีมูลค่าระหว่าง 2,000 ล้านถึง 10,000 ล้านดอลลาร์ ณ ตอนเขียนนี้ มีประมาณ 80 โครงการที่ตรงตามเกณฑ์นี้

และ 10% สุดท้ายของพอร์ตอาจไปยังโครงการ Small cap ซึ่งครอบคลุมมากกว่า 99% ของโทเค็นกว่า 21,000 รายการที่ระบุไว้ใน CoinMarketCap ในส่วนพอร์ตนี้ นักลงทุนอาจพิจารณาเพิ่มโทเค็น Small cap หลายสิบหรือแม้กระทั่งหลายร้อยตัว เพื่อกระจายพอร์ตคริปโตให้มากที่สุด

ขั้นตอนที่ 4: เริ่มลงทุน

เมื่อระบุองค์ประกอบของพอร์ตแล้ว นักลงทุนก็สามารถเริ่มจัดสรรเงินลงทุนให้กับทรัพย์สินคริปโตแต่ละสกุลได้ ในแง่นี้ สิ่งสำคัญคือต้องเลือกกระดานเทรดคริปโตที่มีคริปโตเคอเรนซีจำนวนมากพร้อมค่าธรรมเนียมที่เหมาะสม

OKX เป็นตัวเลือกที่ดี เนื่องจากกระดานเทรดนี้ครอบคลุมคริปโตเคอเรนซีมากว่า 600 สกุลในตลาด ซึ่งมีทั้งมูลค่าขนาดใหญ่ กลาง และเล็ก แค่จำไว้ว่าการซื้อแต่ละครั้งควรสอดคล้องกับกลยุทธ์ DCA ที่กล่าวถึงในขั้นตอนที่ 2

ตัวอย่างเช่น หากจัดสรร 10% ของพอร์ตให้กับคริปโตเคอเรนซีขนาดเล็กและการลงทุนแบบ DCA รายเดือนคือ 500 ดอลลาร์ เงินเพียง 50 ดอลลาร์ก็ควรไปที่โครงการในหมวดหมู่นี้

บทสรุป

การถือคริปโตเคอเรนซีหลากหลายในพอร์ตจะทำให้มั่นใจได้ว่านักลงทุนจะไม่ได้เปิดรับความเสี่ยงมากเกินไปกับเหรียญเพียงไม่กี่สกุล นั่นหมายความว่าหากโครงการหนึ่งไม่ได้ให้ผลตอบแทนตามที่คาดหวัง เหรียญอื่นๆ ในพอร์ตที่กระจายการลงทุนอาจช่วยชดเชยการขาดทุนได้

ดังนั้น จุดประสงค์หลักของการกระจายพอร์ตคริปโตคือการกระจายความเสี่ยงไปยังโครงการต่างๆ อันดับแรก นักลงทุนควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าพอร์ตของตนจัดสรรเงินลงทุนให้คริปโตเคอเรนซีที่มีมูลค่าสูงและมั่นคงเช่น Bitcoin และ Ethereum ซึ่งเป็นตัวเลือกที่ดีในประเด็นนี้ ในอีกด้านหนึ่ง นักลงทุนอาจต้องการจัดสรรเงินทุนให้กับโครงการที่เพิ่งเปิดตัวใหม่ เช่น PlayDoge ที่มีมูลค่าตลาดเล็กกว่า แต่ก็ให้โอกาสนักลงทุนกับผลตอบแทนที่สูงกว่า

อีกมุมมองหนึ่งคือกระจายการลงทุนไปยังตลาดทรัพย์สินคริปโตประเภทอื่นๆ ทั้งหมด เช่น หุ้นหรือบัญชีดอกเบี้ยที่เกี่ยวข้อง ท้ายที่สุดแล้ว ข้อสรุปที่สำคัญคือยิ่งมีทรัพย์สินที่มีคุณภาพสูงในพอร์ตมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งหลีกเลี่ยงความเสี่ยงได้มากขึ้นในระยะยาว โปรดจำไว้ว่า การจัดสรรเงินทุนเพียงเล็กน้อยให้กับโครงการที่มีความเสี่ยงสูงกว่าก็อาจให้ผลดีในระยะยาวหากพอร์ตมีการกระจายการลงทุนอย่างดีแล้ว

คำถามที่พบบ่อย

พอร์ตที่ดีที่สุดสำหรับคริปโตคืออะไร?

พอร์ตที่ดีที่สุดในอุตสาหกรรมคริปโตมักเป็นพอร์ตที่กระจายการลงทุนอย่างดี จากโครงการมากกว่า 21,000 โครงการที่มีให้เลือก การกระจายการลงทุนจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง พิจารณาจัดสรรส่วนใหญ่ของพอร์ตให้กับโครงการที่มีมูลค่าสูงและเป็นที่ยอมรับ เช่น Bitcoin และ Ethereum ส่วนที่เหลือแบ่งให้กับโทเค็นที่มาแรง เช่น Dogecoin20

ควรกระจายพอร์ตคริปโตอย่างไร?

วิธีที่ง่ายและอาจมีประสิทธิภาพที่สุดในการกระจายพอร์ตคือการลงทุนในหลายสิบโครงการที่แตกต่างกัน โทเค็นที่มั่นคงในพอร์ตอาจรวมถึง Bitcoin, Solana, BNB และ XRP นักลงทุนควรพิจารณาจัดสรรเงินให้กับคริปโตเคอเรนซีมูลค่าเล็กกว่าที่มีศักยภาพการเติบโตที่ดึงดูดใจมากกว่าด้วย โดยรวมแล้ว พอร์ตควรมีความสมดุลเพื่อลดความเสี่ยงจากการเปิดรับโครงการที่ล้มเหลวมากเกินไป

ควรมีกี่เหรียญในพอร์ตคริปโต?

จริงๆ แล้วไม่มีขีดจำกัดจำนวนเหรียญที่สามารถถือในพอร์ตที่มีความสมดุลและกระจายการลงทุนอย่างดี ในความเป็นจริง มักจะเป็นเช่นนั้นว่า ยิ่งนักลงทุนมีโครงการที่แตกต่างกันมากขึ้นเท่าไร ก็ยิ่งดีขึ้นเท่านั้น พิจารณาใช้กระดานเทรดเช่น OKX สำหรับกระบวนการกระจายการลงทุน ซึ่งมีมากกว่า 600 ตัวเลือก

ควรจัดสรรกี่เปอร์เซ็นต์ของพอร์ตเป็นคริปโต?

การจัดสรรว่า portfolio ขนาดเท่าไหร่ขึ้นอยู่กับความอดทนต่อความเสี่ยงและโปรไฟล์ของนักลงทุนแต่ละราย นักลงทุนที่หลีกเลี่ยงความเสี่ยงมักจะจำกัดการลงทุนในคริปโต โดยจัดสรรเพียง 5-10% ของพอร์ตให้กับภาคส่วนนี้ ในอีกด้านหนึ่ง นักลงทุนบางคนเลือกที่จะลงทุนในคริปโต 100% อย่างไรก็ตาม นี่เป็นกลยุทธ์ที่มีความเสี่ยงสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพิจารณาว่าตลาดคริปโตโดยรวมมีแนวโน้มที่จะเคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียวกัน