BTC 0.54%
$64,397.92
ETH -0.14%
$3,499.54
SOL 1.58%
$134.69
PEPE 0.28%
$0.000011
SHIB 0.32%
$0.000018
BNB 0.18%
$587.88
DOGE -0.23%
$0.12
XRP -1.20%
$0.48
$PLAY
พรีเซลเริ่มขึ้นแล้ว

10 แพลตฟอร์ม Crypto Lending ยอดนิยมแห่งปี 2024

Phakphum
| 39 min read

แพลตฟอร์ม Crypto Lending ชั้นนำ ช่วยให้การเข้าถึงมูลค่าของทรัพย์สินคริปโตของคุณเป็นเรื่องง่ายโดยไม่ต้องขาย ในบทความนี้ เราจะรีวิวเกี่ยวกับบริการ Crypto Lending ที่ดีที่สุดในปัจจุบัน พร้อมอธิบายถึงข้อดีและข้อเสียของแต่ละแพลตฟอร์ม

ตัวเลือกแพลตฟอร์ม Crypto Lending ยอดนิยมของเรา ประกอบด้วยทั้งแพลตฟอร์มแบบรวมศูนย์ (Centralized) และแบบกระจายศูนย์ (Decentralized) ผู้ให้บริการ Crypto Lending แบบรวมศูนย์อาจใช้งานง่ายกว่า แพลตฟอร์มแบบกระจายศูนย์จะทำงานผ่าน Smart Contract ทั้งหมดซึ่งอาจเหมาะสำหรับผู้ใช้ที่มีประสบการณ์มากกว่า เราจะมาสำรวจความแตกต่างระหว่างแพลตฟอร์มการเงินแบบรวมศูนย์ (CeFi) และแพลตฟอร์ม Crypto Lending แบบกระจายศูนย์ (DeFi) กัน

จัดอันดับแพลตฟอร์ม Crypto Lending ยอดนิยม


ต่อไปนี้คือ 10 ตัวเลือกยอดนิยมของเราสำหรับแพลตฟอร์ม Crypto Lending ในปี 2024

  1. Nexo – แพลตฟอร์ม Crypto Lending ที่ดีที่สุดพร้อมกระดานเทรดในตัวและบัตรเครดิตคริปโต
  2. YouHodler – บริการ Crypto Lending ที่รองรับทรัพย์สินชั้นนำกว่า 50 รายการ พร้อม LTV สูงสุด 97%
  3. Binance – การให้ยืม Crypto แบบรวมศูนย์สำหรับทรัพย์สินคริปโตหลากหลาย
  4. Aave – แพลตฟอร์ม DeFi Lending ที่ได้รับความไว้วางใจ รองรับ 12 บล็อกเชน
  5. CoinRabbit – ลดความเสี่ยงในการถูกชำระบัญชี ด้วยการแจ้งเตือน LTV
  6. Compound Finance – โครงสร้างหลักประกันที่คำนึงถึงความปลอดภัยเป็นอันดับแรก พร้อมอิสระของการให้ยืมแบบ DeFi
  7. CoinLoan – ปรับแต่งดอกเบี้ยของคุณให้เหมาะสม โดยจ่ายด้วยโทเค็น CLT
  8. Ledn – รับเงินกู้ของคุณเป็น USDC หรือ USD
  9. Radiant Capital – กู้ยืมบนหนึ่งเชนโดยใช้หลักประกันบนอีกเชน
  10. Unchained Capital – ระดมทุนสำหรับสตาร์ทอัพ หรือหาเงินทุนหมุนเวียนด้วยการกู้ยืม Bitcoin

รีวิวแพลตฟอร์ม Crypto Lending ยอดนิยม


เราได้ทดสอบแพลตฟอร์มจำนวนมากเพื่อค้นหาแพลตฟอร์ม Crypto Lending ที่ดีที่สุด ซึ่งหลายแพลตฟอร์มเหมาะสำหรับการใช้งานเฉพาะทาง เช่น Unchained Capital เหมาะกับการ Lending ในเชิงพาณิชย์ ส่วน Nexo เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเข้าถึงเงินกู้คริปโตแบบทันที (พร้อมรองรับ Mastercard) ในทางตรงกันข้าม แพลตฟอร์ม DeFi อย่าง Aave, Compound หรือ Radiant มีผสมผสานกันดีกว่ากับแพลตฟอร์มอื่น ๆ ในระบบนิเวศ DeFi ทำให้คุณสามารถนำเงินกู้ไปใช้ประโยชน์ต่อได้

เรายังพิจารณาถึงความง่ายในการใช้งาน รวมถึงข้อดีและข้อเสียของแต่ละแพลตฟอร์ม Crypto Lending ด้วย ผู้ให้บริการบางรายมีกระดานเทรดในตัว ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้ซื้อทรัพย์สินดิจิทัลได้อย่างสะดวก จากนั้นก็สามารถกู้ยืมโดยใช้ทรัพย์สินดังกล่าวเป็นหลักประกันได้ทันที บางแพลตฟอร์มกำหนดให้ผู้ใช้ต้องฝากหลักประกันคริปโตที่ซื้อมาเองก่อน

ต่อไปนี้คือแพลตฟอร์ม Crypto Lending ที่เราคัดสรรมา พร้อมอธิบายถึงจุดแข็งและจุดอ่อนของแต่ละแพลตฟอร์ม

1. Nexo – แพลตฟอร์ม Crypto Lending ยอดนิยม พร้อมเงินกู้คริปโตทันทีเริ่มต้นที่ 0%

Nexo ก่อตั้งขึ้นในปี 2018 แพลตฟอร์มนี้มีบริการที่ใช้งานง่ายสำหรับผู้ใช้ มีฟีเจอร์ที่คล้ายกับบริการธนาคารแต่ใช้กับทรัพย์สินคริปโต แพลตฟอร์ม Crypto Lending ที่ผ่านการพิสูจน์ตามกาลเวลานี้ สามารถอยู่รอดและเติบโตได้ทั้งในช่วงตลาดขาขึ้นและขาลง ปัจจุบันให้บริการผู้ใช้กว่า 6 ล้านคนทั่วโลก

Nexo

อย่างไรก็ตาม Nexo ไม่รองรับผู้ใช้จากสหรัฐอเมริกาหรือแคนาดา ทว่ายังคงให้บริการปล่อยกู้และกู้ยืมในหลายประเทศทั่วโลกและบริหารจัดการทรัพย์สินมูลค่ากว่า 15,000 ล้านดอลลาร์

Nexo ผสานรวมบริการกระดานเทรดและการให้ยืมเงินไว้ด้วยกัน ผู้ใช้สามารถซื้อทรัพย์สินคริปโตบนแพลตฟอร์มหรือโอนทรัพย์สินดิจิทัลที่ซื้อจากที่อื่นมาฝากได้ ในการกู้ยืมบน Nexo นั้น คุณมีตัวเลือกหลายแบบ วงเงินสินเชื่อทันใจใช้ทรัพย์สินคริปโตที่คุณมีบนแพลตฟอร์มเป็นหลักประกันเพื่ออนุมัติเงินกู้แบบทันที โดยปกติแล้ว Nexo จะโอนเงินให้ภายใน 24 ชั่วโมง นอกจากนี้ยังมีบริการบัตรคริปโต Mastercard ซึ่งผู้ใช้สามารถเลือกใช้ในโหมดเดบิตหรือเครดิตได้ โดยในโหมดเครดิต บัตรจะใช้ทรัพย์สินคริปโตที่คุณมีเป็นหลักประกันในการเบิกถอนเงินสด

ภาพรวมของ Nexo

CeFi หรือ DeFi CeFi
กฎระเบียบและใบอนุญาต Financial Crimes Enforcement Network, Australian Securities and Investment Commission, Financial Transactions and Reports Analysis Centre of Canada, Financial Services Authority Seychelles
การตรวจสอบ Smart Contract ไม่มี
อัตราดอกเบี้ย 0% ถึง 13.9%
LTV สูงสุด 90%
จุดเด่น บัตร Mastercard ของ Nexo

ข้อดี

  • เหมาะสำหรับนักลงทุนหน้าใหม่
  • มีบัตร Mastercard พร้อมฟังก์ชันเดบิตและเครดิต
  • มีเงินกู้ดอกเบี้ย 0% ให้เลือก

ข้อเสีย

  • ไม่รองรับผู้ใช้จากสหรัฐอเมริกาและแคนาดา
  • ระบบเทียร์ของโทเค็นที่อิงกับอัตราดอกเบี้ยค่อนข้างสับสน

2. YouHodler – กู้ยืมคริปโทเคอร์เรนซีด้วยวงเงินสูงสุด LTV 97%

YouHodler ตอนนี้ให้บริการเงินกู้ระยะสั้น โดยมี LTV สูงถึง 97% ซึ่งเป็นอัตราสูงสุดที่เราเคยเห็น แพลตฟอร์มนี้รองรับหลักประกันมากกว่า 50 สกุลเงินดิจิทัล และระยะเวลากู้ยืมนานที่สุดคือหนึ่งปี

YouHodler

แพลตฟอร์มนี้มีความคล้ายคลึงกับ Nexo อยู่บ้าง คุณสามารถซื้อและขายคริปโตได้ผ่านอินเทอร์เฟซที่ใช้งานง่าย นอกจากนี้ยังสามารถฝากเพื่อรับผลตอบแทนได้ แถมยังมีบัตรเดบิตใหม่ให้ใช้จ่ายเหมือนกับบัตรธนาคารทั่วไป ฟีเจอร์กระดานเทรดของ YouHodler ยังช่วยให้คุณกู้ยืมโดยมีทรัพย์สินที่ถืออยู่เป็นหลักประกัน แล้วนำเงินที่ได้ไปลงทุนต่ออย่างอัตโนมัติ YouHodler เรียกบริการนี้ว่า Turbocharge

การขอสินเชื่อทำได้ง่ายด้วยการเลือก LTV ที่ 50%, 70% หรือ 90% และได้รับการอนุมัติทันที YouHodler ยังมีฟีเจอร์ Take Profit ซึ่งให้คุณตั้งราคาขายทรัพย์สินหลักประกันและปิดสัญญาเงินกู้โดยอัตโนมัติ อย่างไรก็ตาม เงินกู้มีค่าธรรมเนียมรายวันทำให้ยากต่อการคำนวณต้นทุนการกู้ยืมที่แท้จริงเป็นรายปี

ภาพรวมของ YouHodler

CeFi หรือ DeFi CeFi
กฎระเบียบและใบอนุญาต Regulated VASP in Italy and Spain, Regulated Financial intermediary Switzerland
การตรวจสอบ Smart Contract ไม่มี
อัตราดอกเบี้ย แปรผันตามทรัพย์สินและระยะเวลา
LTV สูงสุด 97%
จุดเด่น ปิดสัญญาเงินกู้อัตโนมัติโดยการขายทรัพย์สินหลักประกันทำกำไร

ข้อดี

  • รวมเครื่องมือซื้อขายเพื่อให้การใช้ Leverage ทำได้ง่าย
  • ตั้งราคาเพื่อทำกำไรจากทรัพย์สินหลักประกัน
  • แพลตฟอร์มใช้งานง่าย

ข้อเสีย

  • อัตราดอกเบี้ยสูงกว่าแพลตฟอร์มอื่น
  • ไม่แสดงต้นทุนการกู้ยืมเป็นรายปี
  • ไม่รองรับผู้ใช้จากสหรัฐอเมริกาและแคนาดา

3. Binance – ตัวเลือกสกุลเงินดิจิทัลที่หลากหลายที่สุดสำหรับการกู้ยืม

แม้ว่า Binance จะมีชื่อเสียงจากคุณสมบัติการเทรดขั้นสูงและตัวเลือกเหรียญคริปโตน่าลงทุนที่หลากหลาย แต่ก็ยังมีบริการให้กู้ยืมคริปโตด้วย บริการเงินกู้ของแพลตฟอร์มนี้เน้นที่บริการ on-site เช่น การเทรดโดยใช้ Margin และการ Stake ใน Staking Vault มากมายของ Binance อย่างไรก็ตาม คุณก็สามารถถอนเงินกู้ที่ได้ออกมาเพื่อนำไปใช้ที่อื่นได้เช่นกัน

Binance

Binance Flexible Loan ใช้ทรัพย์สินที่ฝากใน Simple Earn เป็นหลักประกัน ตัวอย่างเช่น คุณสามารถฝาก ETH ใน Simple Earn เพื่อรับผลตอบแทนคงที่ จากนั้นกู้ยืมโดยใช้ ETH ที่ฝากไว้เป็นหลักประกันเมื่อต้องการ คุณสามารถนำเงินกู้ไปฝากใน Vault ที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่า นำไปเทรด หรือถอนออกไปยังกระเป๋าคุณก็ได้ คุณสามารถชำระคืนเงินกู้เมื่อไหร่ก็ได้ แต่โปรดระวังอัตราดอกเบี้ยที่เปลี่ยนแปลงหรือระดับ LTV ด้วย

ภาพรวมของ Binance

CeFi หรือ DeFi CeFi
กฎระเบียบและใบอนุญาต Autorité des Marchés Financiers (AMF), Organismo Agenti e Mediatori (OAM), Australian Transaction Reports and Analysis Centre (AUSTRAC)
การตรวจสอบ Smart Contract ไม่มี
อัตราดอกเบี้ย แปรผัน
LTV สูงสุด 75%
จุดเด่น อัตราดอกเบี้ยคงที่ต่ำสำหรับ BTC และ ETH

ข้อดี

  • มีสกุลเงินดิจิทัลให้เลือกมากมายสำหรับการกู้ยืม
  • ชำระคืนเงินกู้ได้อย่างยืดหยุ่น
  • รองรับการชำระบัญชีบางส่วน

ข้อเสีย

  • อัตราดอกเบี้ยอาจเพิ่มขึ้นโดยไม่มีการแจ้งให้ทราบล่วงหน้า
  • ไม่รองรับผู้ใช้จากสหรัฐอเมริกาและแคนาดา

4. Aave – กู้ยืมด้วยทรัพย์สินดิจิทัลบนหนึ่งใน 12 บล็อกเชน

ในโลก DeFi แพลตฟอร์ม Aave เป็นชื่อที่เป็นสัญลักษณ์ของ Crypto Lending แพลตฟอร์มแบบกระจายศูนย์นี้ให้บริการเงินกู้โดยใช้ทรัพย์สินคริปโตเป็นหลักประกันสำหรับผู้ใช้บน 12 เชน รวมถึง Ethereum Mainnet, Arbitrum และ Base

Aave

สกุลเงินดิจิทัลที่ Aave รองรับเพิ่มขึ้นอย่างมากนับตั้งแต่เปิดให้บริการ ปัจจุบันแพลตฟอร์มนี้รองรับทรัพย์สินนับสิบชนิดที่ใช้เป็นหลักประกันได้ อย่างไรก็ตาม ทรัพย์สินบางอย่าง เช่น Balancer และ Curve เป็นทรัพย์สินแบบแยกส่วน (isolated assets) ซึ่งหมายความว่าคุณไม่สามารถใช้ทรัพย์สินอื่นเป็นหลักประกันได้เมื่อทำการกู้ยืม คุณจะได้รับผลตอบแทนจากการฝากเงินและอัตราดอกเบี้ยเงินกู้เริ่มต้นที่ 0.29% ณ เวลาที่เขียนบทความนี้

Aave ใช้อัตราดอกเบี้ยโดยอ้างอิงจากกราฟอุปทาน (supply curve) เมื่อกองทุนสำหรับให้กู้ยืมถูกใช้ไปมากขึ้น อัตราดอกเบี้ยก็จะสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตาม โครงสร้างอัตราดอกเบี้ยเช่นนี้ก็เป็นสิ่งปกติสำหรับแพลตฟอร์ม DeFi Lending

ภาพรวมของ Aave

CeFi หรือ DeFi DeFi
กฎระเบียบและใบอนุญาต ไม่มี
การตรวจสอบ Smart Contract Peckshield, Certora, SigmaPrime
อัตราดอกเบี้ย แปรผันตามอุปสงค์และอุปทาน
LTV สูงสุด 75%
จุดเด่น มีกองทุนประกันภัยที่ขับเคลื่อนด้วยการ Stake

ข้อดี

  • ฟีเจอร์การ Stake ช่วยคุ้มครองหากเกิดการขาดทุนจากความผันผวนของตลาด
  • ผ่านการตรวจสอบโดยบริษัทตรวจสอบ Smart Contract ชั้นนำ
  • ใช้งานได้บน 12 บล็อกเชน

ข้อเสีย

  • อัตราดอกเบี้ยอาจพุ่งสูงขึ้นอย่างฉับพลัน
  • ตัวเลือกสกุลเงินดิจิทัลลดลงบนเครือข่ายบางแห่ง

5. CoinRabbit – รับการแจ้งเตือน LTV เพื่อปกป้องทรัพย์สินคริปโตที่วางเป็นหลักประกัน

บนแพลตฟอร์มอื่น ๆ เมื่อ LTV ขึ้นสูงถึงระดับวิกฤต ผู้ใช้มักจะทราบข่าวร้ายอย่างไม่ทันตั้งตัว หลายครั้งที่ผู้กู้เงินคริปโตพบเจอกับเรื่องการถูกชำระบัญชีอย่างโหดร้าย แต่ CoinRabbit จะรักษาช่องทางสื่อสารกับผู้ใช้ให้เปิดอยู่เสมอ ด้วยการส่งอีเมลและ SMS แจ้งเตือนหากทรัพย์สินหลักประกันของคุณอาจตกอยู่ในความเสี่ยง

CoinRabbit

อินเทอร์เฟซที่ใช้งานง่ายของ CoinRabbit มอบวิธีที่สะดวกในการฝากทรัพย์สินหลักประกันที่เก็บไว้ใน cold storage และกู้ยืมโดยใช้ทรัพย์สินที่ฝากไว้เป็นประกัน คุณจะได้รับผลตอบแทนจากการฝากทรัพย์สินไว้นานเกิน 90 วัน แม้ว่าดอกเบี้ยจะเริ่มสะสมทันทีก็ตาม มีทรัพย์สินมากกว่า 230 รายการที่สามารถใช้เป็นหลักประกันสำหรับการฝากได้

ระดับ LTV เริ่มต้นบน CoinRabbit จำกัดไว้ที่ 50% ซึ่งช่วยให้การกู้ยืมมีความปลอดภัยมากขึ้น และลดความเสี่ยงในการถูกชำระบัญชี อัตราดอกเบี้ยเงินกู้อยู่ที่ 12% ถึง 17%

ภาพรวมของ CoinRabbit

CeFi หรือ DeFi CeFi
กฎระเบียบและใบอนุญาต ไม่มี
การตรวจสอบ Smart Contract ไม่มี
อัตราดอกเบี้ย 12% ถึง 17%
LTV สูงสุด 50%
จุดเด่น ไม่ต้องทำ KYC

ข้อดี

  • ไม่จำเป็นต้องทำ KYC หรือตรวจสอบเครดิต
  • รองรับทรัพย์สินหลักประกันมากกว่า 230 รายการ
  • มีการแจ้งเตือนทางอีเมลและ SMS

ข้อเสีย

  • อัตราดอกเบี้ยสูงกว่าแพลตฟอร์มอื่น
  • ต้องฝากทรัพย์สินเป็นเวลา 90 วันจึงจะสามารถรับดอกเบี้ยที่สะสมไว้ได้
  • เงินกู้ที่มีระยะเวลาน้อยกว่า 30 วันมีค่าธรรมเนียม 100 ดอลลาร์

6. Compound Finance – ให้ยืมคริปโตแบบ DeFi ที่คำนึงถึงความปลอดภัยเป็นหลัก

แม้ว่าจะมีตัวเลือกการกู้ยืมจำกัดบน Compound แต่ตลาดเงินดิจิทัลแห่งนี้ยังคงเป็นหนึ่งในแพลตฟอร์มการให้ยืมแบบ DeFi ที่น่าเชื่อถือและมีสภาพคล่องสูงที่สุด Compound Finance รองรับ 4 บล็อกเชนชั้นนำ ได้แก่ Ethereum, Base, Polygon และ Arbitrum

Compound Finance

ทรัพย์สินที่สามารถใช้เป็นหลักประกันจะแตกต่างกันไปในแต่ละเชน เช่น บน ETH Mainnet คุณสามารถกู้ยืม ETH โดยใช้ทรัพย์สินคริปโตกลุ่มหนึ่งเป็นหลักประกัน ซึ่งประกอบด้วยโทเค็น ETH ที่ผ่านการ Stake ที่จะมีมูลค่าเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับ ETH ในอนาคต ซึ่งช่วยป้องกันการถูกชำระบัญชี

โครงสร้างหลักประกันที่มุ่งเน้นความปลอดภัยของ Compound Finance และคู่สัญญาที่เข้ากันได้ดี ช่วยทำให้แพลตฟอร์มนี้มีความมั่นคงยิ่งขึ้นและลดความเสี่ยงในการถูกชำระบัญชี ความมั่นคงนี้ดึงดูดเม็ดเงินจากผู้ที่ใส่ใจความปลอดภัย ซึ่งส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยต่ำลงเนื่องจากปริมาณเงินทุนสำรองที่มีมากขึ้น อัตราดอกเบี้ยการกู้ ETH ของ Compound นับว่าต่ำที่สุดเท่าที่เราเคยเห็น โดยอยู่ที่ต่ำกว่า 3%

ภาพรวมของ Compound Finance

CeFi หรือ DeFi DeFi
กฎระเบียบและใบอนุญาต ไม่มี
การตรวจสอบ Smart Contract OpenZeppelin, ChainSecurity
อัตราดอกเบี้ย แปรผัน ต่ำสุดที่ 1.63%
LTV สูงสุด 90%
จุดเด่น กู้ ETH ได้สูงสุดถึง 90% LTV โดยใช้ cbETH เป็นหลักประกัน

ข้อดี

  • แพลตฟอร์มที่มั่นคง มีอัตราดอกเบี้ยต่ำ
  • สภาพคล่องสูงมาก
  • รับโทเค็น COMP เมื่อฝาก ETH และ cbETH

ข้อเสีย

  • มีสกุลเงินดิจิทัลให้เลือกจำกัด
  • อาจต้อง Swap ทรัพย์สินก่อนนำมาฝากเป็นหลักประกัน
  • หากกองทุนถูกใช้ไปมาก อัตราดอกเบี้ยอาจพุ่งสูงขึ้น

7. CoinLoan – เริ่มต้นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่ 5.5%

บริการ Instant Loan ของ CoinLoan ทำให้การกู้ยืมเงินโดยใช้ทรัพย์สินคริปโตเป็นเรื่องง่าย แพลตฟอร์มนี้รองรับทรัพย์สินคริปโตประมาณ 30 ประเภท และให้กู้ยืมด้วย LTV สูงสุดถึง 70%

CoinLoan

CoinLoan ทำหน้าที่เป็นตัวกลางจับคู่ โดยสร้างกองทุนการกู้ยืมที่ผู้ปล่อยกู้สามารถได้รับผลตอบแทน และผู้กู้สามารถเข้าถึงเงินทุนได้อย่างง่ายดาย ตัวเลือกระยะเวลาเงินกู้มีตั้งแต่ 30 วันไปจนถึงหนึ่งปี

คล้ายกับ Nexo แพลตฟอร์ม CoinLoan มีโทเค็นของตัวเองที่มีบทบาทในระบบนิเวศ การถือโทเค็น CLT จะทำให้คุณได้รับอัตราดอกเบี้ยสูงสุดสำหรับผู้ให้กู้ และผู้กู้ก็สามารถประหยัดค่าดอกเบี้ยได้ด้วยการจ่ายคืนเงินกู้เป็น CLT อย่างไรก็ตาม การกู้ยืมมีค่าธรรมเนียมต้นทาง (origination fee) ประมาณ 1% ซึ่งอาจทำให้เงินกู้ระยะสั้นมีต้นทุนสูงขึ้น

ภาพรวมของ CoinLoan

CeFi หรือ DeFi CeFi
กฎระเบียบและใบอนุญาต European Financial License, FinCEN MSB Registration
การตรวจสอบ Smart Contract ไม่มี
อัตราดอกเบี้ย 5.5% ขึ้นไป
LTV สูงสุด 70%
จุดเด่น รับดอกเบี้ยในสกุลเงิน EUR หรือ GBP

ข้อดี

  • แพลตฟอร์มที่เหมาะสำหรับมือใหม่
  • ได้รับอนุมัติเงินกู้ทันที
  • มีตัวเลือกเงินกู้ LTV ต่ำ (20%)

ข้อเสีย

  • ไม่มีดอกเบี้ยสำหรับทรัพย์สินที่ใช้เป็นหลักประกัน
  • ไม่รองรับผู้ใช้จากสหรัฐอเมริกา

8. Ledn – ใช้ BTC หรือ ETH เพื่อกู้เงินสด โดยจ่ายเงินให้เป็น USD

แพลตฟอร์ม Crypto Lending ส่วนใหญ่อนุญาตให้คุณกู้ยืมโดยใช้ทรัพย์สินคริปโตเป็นหลักประกันและเบิกเงินกู้เป็นคริปโตสกุลอื่น หากต้องการนำเงินกู้ไปใช้ในระบบการเงินแบบเดิม คุณยังต้องขายคริปโตที่กู้มา แล้วนำเงินไปฝาก แต่ Ledn ช่วยให้คุณข้ามขั้นตอนนั้นได้ โดยคุณสามารถกู้ในสกุลดอลลาร์สหรัฐฯ หากต้องการ

Ledn

อย่างไรก็ตาม Ledn ค่อนข้างคัดเลือกเกี่ยวกับหลักประกันคริปโต โดยรองรับเพียง BTC และ ETH เท่านั้น การคัดเลือกอย่างพิถีพิถันนี้สะท้อนถึงความใส่ใจของ Ledn ในการสร้างแพลตฟอร์มการให้ยืมที่โปร่งใส ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงให้เหลือน้อยที่สุด

ไม่ว่าจะกู้ในสกุล USD หรือ USDC อัตราดอกเบี้ยเริ่มต้นที่ 12.4% นอกจากนี้ การกู้ยืมแต่ละครั้งมีค่าธรรมเนียมธุรการอีก 2% ส่วน LTV เริ่มต้นสำหรับการกู้ยืมนั้นจำกัดไว้ที่ 50% แต่ Ledn เสนอตัวเลือกให้โอน Bitcoin จากบัญชีมาตรฐานของคุณมาเก็บไว้ในบัญชีหลักประกันโดยอัตโนมัติ หาก LTV ของคุณถึง 70% คุณสมบัตินี้สามารถช่วยลดความเสี่ยงในการถูกชำระบัญชีได้ หากคุณมีเงินเพิ่มเติมที่ฝากกับ Ledn หรือใช้ Ledn เพื่อซื้อ BTC

ภาพรวมของ Ledn

CeFi หรือ DeFi CeFi
กฎระเบียบและใบอนุญาต Cayman Islands Monetary Authority (CIMA)
การตรวจสอบ Smart Contract ไม่มี
อัตราดอกเบี้ย 12.4% และสูงกว่า
LTV สูงสุด 50%
จุดเด่น กู้ยืมในสกุล USD หรือ USDC

ข้อดี

  • กู้ยืมเงินเป็นสกุลดอลลาร์สหรัฐฯ (USD) ได้
  • มีตัวเลือกเก็บทรัพย์สินใน Vault (ไม่มีความเสี่ยงจากการให้ยืม)
  • เติมหลักประกันโดยอัตโนมัติที่ระดับ LTV 70%

ข้อเสีย

  • ค่าดำเนินการ 2%
  • ใช้เวลาอนุมัติ 24-48 ชั่วโมง

9. Radiant Capital – ใช้หลักประกันข้ามเชน(cross-chain) เพื่อจัดหาเงินสำหรับเงินกู้คริปโต

เช่นเดียวกับแพลตฟอร์ม DeFi อย่าง Aave และ Compound Finance Radiant Capital ให้คุณฝากเงินเข้าพูลการปล่อยกู้เพื่อรับผลตอบแทน แล้วใช้ทรัพย์สินนั้นเป็นหลักประกันในการกู้ยืม จุดที่ Radiant แตกต่างคือความสามารถในการใช้ทรัพย์สินบนเชนหนึ่งเพื่อจัดหาเงินกู้บนอีกเชนหนึ่ง สามารถวางหลักประกันบน Arbitrum แล้วนำไปกู้ยืมบน Base ได้

Radiant Capital

วิธีนี้ช่วยขจัดความจำเป็นในการใช้บริดจ์ (bridge) ที่อาจเสี่ยงต่อการถูกโจมตี หรือขั้นตอนหลายขั้นตอนที่เกี่ยวข้องกับการส่งคริปโตที่กู้มาไปยังกระดานเทรดแล้วถอนเงินออกมาในเชนที่คุณต้องการใช้เงิน อย่างไรก็ตาม ต้องชำระคืนเงินกู้บนเชนเดิมที่คุณมีหลักประกันอยู่

โปรโตคอลของ Radiant มอบวิธีการหารายได้หลายรูปแบบ แต่เงินกู้พื้นฐานจะทำงานคล้ายกับโปรโตคอลการให้ยืม DeFi อื่น ๆ ฝากหลักประกันเพื่อรับผลตอบแทนแปรผัน กู้ยืมด้วยอัตราดอกเบี้ยแปรผันตามปริมาณการใช้กองทุนให้กู้ยืม อย่างไรก็ตาม คุณสามารถกู้เงินข้ามเชนได้ โปรโตคอลนี้รองรับบล็อกเชนหลายเชนที่ได้รับความนิยม รวมถึง Ethereum Mainnet แม้ว่าจะมีบล็อกเชนให้เลือกแตกต่างกันไปตามสกุลเงินที่คุณกู้ยืม

ภาพรวมของ Radiant Capital

CeFi หรือ DeFi DeFi
กฎระเบียบและใบอนุญาต ไม่มี
การตรวจสอบ Smart Contract OpenZeppelin, BlockSec, PeckShield, Zokyo
อัตราดอกเบี้ย แปรผัน
LTV สูงสุด 80%
จุดเด่น กู้ยืมข้ามแพลตฟอร์ม

ข้อดี

  • กู้ยืมข้ามเชน
  • รองรับทรัพย์สินที่หลากหลายมากขึ้นเรื่อย ๆ
  • กู้ยืมแบบกระจายอำนาจ ไม่ต้องขออนุญาต

ข้อเสีย

  • ต้องเข้าใจเรื่องกระเป๋าคริปโต
  • โครงการค่อนข้างใหม่ เริ่มก่อตั้งในปี 2022

10. Unchained Capital – ใช้ BTC ของคุณเพื่อค้ำประกันเงินกู้ Bitcoin เชิงพาณิชย์

Unchained Capital รองรับความต้องการของผู้ถือ BTC จำนวนมาก และผู้ที่ลงทุนก่อนใครเพื่อน ที่มี Bitcoin มูลค่าสูงและอาจต้องใช้เงินทุน นอกจากการให้บริการเก็บรักษาทรัพย์สินและ IRA แล้ว แพลตฟอร์มนี้ยังมีเงินกู้ Bitcoin ที่ดีที่สุดด้วย อย่างไรก็ตาม Unchained มุ่งเน้นไปที่เงินกู้เชิงพาณิชย์ ต้องการเข้าถึงมูลค่าที่ถูกกักเก็บไว้ใน Bitcoin ของคุณเพื่อระดมทุนให้กับสตาร์ทอัพใช่ไหม Unchained Capital มีทางออกโดยไม่ต้องขายทิ้ง

Unchained Capital

แพลตฟอร์มนี้ให้บริการเงินกู้เชิงพาณิชย์ประเภทจ่ายเฉพาะดอกเบี้ย ออกแบบมาเพื่อให้การชำระหนี้ต่ำในช่วงเดือนแรก ๆ ของการเริ่มต้นกิจการที่สำคัญ เลือกระยะเวลาได้ 6 เดือนหรือ 12 เดือน โดยต้องจ่ายชำระคืนเงินต้นเมื่อครบกำหนด สำหรับเงินกู้ที่มีมูลค่าต่ำกว่า 1 ล้านดอลลาร์ LTV จะถูกจำกัดไว้ที่ 40% เพื่อความปลอดภัย และทีมงานของ Unchained สามารถช่วยคุณออกแบบโซลูชันเฉพาะตามความต้องการสำหรับเงินกู้ที่มีมูลค่าเกิน 250,000 ดอลลาร์

เตรียมสำรองสภาพคล่องไว้ 1.25% สำหรับค่าธรรมเนียมต้นทาง (origination fee) อัตราดอกเบี้ยสินเชื่อเริ่มต้นที่ 14%

ภาพรวมของ Unchained Capital

CeFi หรือ DeFi CeFi
กฎระเบียบและใบอนุญาต ใบอนุญาตผู้ให้บริการโอนเงินใน 42 รัฐของสหรัฐฯ
การตรวจสอบ Smart Contract ไม่มี
อัตราดอกเบี้ย 14%
LTV สูงสุด 40% สำหรับเงินกู้ต่ำกว่า 1 ล้านดอลลาร์
จุดเด่น เหมาะสำหรับการระดมทุนให้กับสตาร์ทอัพ

ข้อดี

  • มีความปลอดภัยสูงด้วย LTV ต่ำ
  • มีเงินกู้มูลค่าสูงให้บริการ
  • มีบริการอื่น ๆ สำหรับนักลงทุนที่มีมูลค่าสูง

ข้อเสีย

  • รองรับหลักประกันเฉพาะ BTC
  • เงินกู้ประเภทจ่ายเฉพาะดอกเบี้ย อาจไม่เหมาะกับผู้กู้ทุกราย

แพลตฟอร์ม Crypto Lending คืออะไร


แพลตฟอร์ม Crypto Lending สามารถเป็นได้ทั้งบริษัทแบบรวมศูนย์ หรือโปรโตคอลบล็อกเชนอัตโนมัติที่ช่วยให้กู้ยืมโดยใช้ทรัพย์สินคริปโตเป็นหลักประกัน แพลตฟอร์มเหล่านี้ให้บริการทั้งฝั่งผู้ปล่อยกู้และผู้กู้ โดยจ่ายดอกเบี้ยให้กับผู้ที่ฝากทรัพย์สินไว้ ซึ่งผู้กู้สามารถนำทรัพย์สินส่วนนั้นไปใช้ได้

แพลตฟอร์มจะทำหน้าที่เป็นตัวกลางระหว่างผู้ให้กู้และผู้กู้ อย่างไรก็ตาม แตกต่างจากระบบการเงินแบบดั้งเดิม เช่น ธนาคาร ผู้ให้กู้คริปโตมักไม่ต้องการข้อมูลการสมัคร ทำให้กระบวนการปล่อยกู้ด้วย Crypto ง่ายขึ้น และผู้ใช้สามารถทำธุรกรรมได้อย่างอิสระ

แพลตฟอร์ม Crypto Lending ทำงานอย่างไร

เงินกู้คริปโตส่วนใหญ่ใช้หลักประกันแทนการตรวจสอบเครดิตและการตรวจสอบรายได้ ซึ่งเป็นเรื่องปกติสำหรับการกู้ยืมแบบดั้งเดิม ทรัพย์สินคริปโตของคุณจะทำหน้าที่เป็นหลักประกันสำหรับเงินกู้ โดยไม่จำเป็นต้องตรวจสอบรายได้ หาก LTV ลดลงต่ำกว่าระดับที่กำหนด แพลตฟอร์ม Crypto Lending ก็สามารถชำระหลักประกันเพื่อจ่ายยอดคงค้างของเงินกู้ได้ LTV จะเปรียบเทียบมูลค่าเงินกู้กับมูลค่าหลักประกันของคุณ

แม้ว่ารายละเอียดทางเทคนิคอาจแตกต่างกันไปตามแต่ละแพลตฟอร์ม แต่การกู้ยืมบนแพลตฟอร์ม Crypto มักจะมีรูปแบบที่คล้ายคลึงกัน

  • ฝากคริปโตบนแพลตฟอร์ม: ในหลายกรณี คุณฝากไปยังพูลการให้กู้ยืม ซึ่งหมายความว่าคุณสามารถได้รับดอกเบี้ยจากเงินฝากของคุณ
  • กู้ยืมโดยใช้คริปโตของคุณเป็นหลักประกัน: เลือกจำนวนเงินที่จะกู้ยืมและระยะเวลา (ถ้ามี) ในหลายกรณี คุณจะได้รับเงินกู้ทันที
  • ชำระคืนเงินกู้ตามเงื่อนไข: เงินกู้คริปโตบางประเภทมีเงื่อนไขการชำระคืนที่แน่นอน แต่ส่วนใหญ่จะให้คุณชำระคืนตามกำหนดการของคุณเอง

ขึ้นอยู่กับแพลตฟอร์มที่คุณเลือก เงินกู้ที่ได้รับอาจจ่ายเป็นสกุลเงินดิจิทัล เช่น Stablecoin อย่าง USDC หลายแพลตฟอร์มยังรองรับการกู้ยืมสินทรัพย์คริปโตอื่น ๆ เช่น ETH, BTC และอื่น ๆ อีก หรือคุณอาจรับเงินกู้เป็น USD ก็ได้ ทั้งนี้จำเป็นต้องใช้แพลตฟอร์มแบบรวมศูนย์ที่รองรับการจ่ายเงินสด

เมื่อคุณชำระคืนเงินกู้จนครบ หรือหากมูลค่าของหลักประกันเพิ่มขึ้น คุณก็สามารถกู้เงินเพิ่มได้โดยอยู่ในขีดจำกัด ของ LTV ในทางกลับกัน หากมูลค่าหลักประกันของคุณลดลง คุณอาจต้องฝากหลักประกันเพิ่มหรือชำระคืนบางส่วนเพื่อให้ LTV อยู่ในระดับที่กำหนด

ประเภทของเงินกู้คริปโตต่าง ๆ


เงินกู้คริปโตส่วนใหญ่ใช้หลักประกันเพื่อค้ำประกันเงินกู้ อย่างไรก็ตาม กลไกและวัตถุประสงค์ของเงินกู้อาจแตกต่างกันไป ตัวอย่างเช่น เงินกู้เพื่อการเทรดแบบ Margin มีไว้สำหรับการกู้ยืมเพื่อการเทรดโดยใช้ Leverage เงินกู้ Margin จะใช้ทรัพย์สินคริปโตที่คุณถืออยู่เป็นหลักประกัน ประเภทเงินกู้คริปโตอีกประเภทหนึ่งเรียกว่า Flash Loan ซึ่งไม่ต้องการหลักประกันเลย

เงินกู้ที่มีหลักประกัน

แพลตฟอร์ม Crypto Lending ส่วนใหญ่มักจะให้บริการเงินกู้ที่มีหลักประกันโดยตรง ดังที่อธิบายไว้ก่อนหน้านี้ คุณฝากหรือล็อคทรัพย์สินที่เป็นหลักประกันของคุณ จากนั้นก็กู้ยืมตามมูลค่าของหลักประกันนั้น โดยหลักประกันจะเป็นตัวป้องกันความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการผิดนัดชำระหนี้ ซึ่งถ้าไม่มีอาจทำให้ทรัพย์สินของผู้ให้กู้ตกอยู่ในความเสี่ยง

โดยปกติแล้ว การกู้ยืมที่มีหลักประกันจำเป็นต้องฝากทรัพย์สินไว้บนแพลตฟอร์ม Lending แต่ผู้ให้กู้บางรายอาจใช้กระเป๋าแบบ Multi-Signature เพื่อเก็บหลักประกันไว้ก็ได้ ในทุกกรณี แพลตฟอร์ม Lending จะเฝ้าติดตามมูลค่าของหลักประกันเทียบกับยอดคงค้างของเงินกู้ แพลตฟอร์ม Lending สามารถขายหลักประกันเพื่อชำระคืนยอดเงินกู้คงค้าง หากจำนวนยอดคงค้างสูงกว่าเปอร์เซ็นต์ LTV ที่อนุญาต ขั้นตอนนี้เรียกว่าการชำระบัญชี (Liquidation)

สำหรับแพลตฟอร์ม Lending แบบรวมศูนย์ กระบวนการชำระบัญชีอาจต้องมีการโต้ตอบกับมนุษย์ อย่างไรก็ตามบนแพลตฟอร์ม Lending แบบกระจายศูนย์ การชำระบัญชีมักจะดำเนินการโดยบอทที่ทำหน้าที่ค้นหาตำแหน่งที่มีคุณสมบัติพร้อมสำหรับการชำระบัญชี แล้วเรียกให้มีการชำระบัญชี โดยบอทจะได้รับค่าธรรมเนียมตอบแทน

กู้เงินคริปโต โดยไม่มีหลักประกัน

ด้วยพลังของ Smart Contract ซึ่งเป็นโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่ทำงานบนเครือข่ายบล็อกเชน ตอนนี้สามารถกู้เงินคริปโตได้โดยไม่ต้องมีหลักประกัน ประเภทของเงินกู้คริปโตเช่นนี้เรียกว่า Flash Loan ซึ่งตั้งชื่อตามความเร็วในการทำงาน โดยคุณจะกู้ยืมและชำระคืนภายในหนึ่งธุรกรรมบนบล็อกเชน

Flash Loan ใช้ Smart Contract เพื่อเริ่มต้นการกู้ยืม ทำบางสิ่งกับเงินที่ได้ (เช่นการเทรด) จากนั้นชำระคืนเงินกู้พร้อมดอกเบี้ยภายในบล็อกธุรกรรมเดียวกัน ก่อนที่จะดำเนินการ เครือข่ายจะตรวจสอบการคำนวณตามราคาตลาดของทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องและต้นทุนการกู้ยืม หาก Flash Loan สามารถชำระคืนได้ภายในตอนจบของธุรกรรม ธุรกรรมนั้นก็จะสามารถดำเนินการได้

Marble Protocol เป็นผู้ริเริ่มแนวคิดของ Flash Loan ในปี 2018 แต่แพลตฟอร์มอย่าง Aave V3 และ Uniswap V2 ทำให้สิ่งนี้กลายเป็นเรื่องที่เข้าถึงได้ง่าย การกู้ยืมคริปโตโดยไม่มีหลักประกันจำเป็นต้องมีการสร้างธุรกรรมในภาษาโปรแกรมที่รองรับโดยเครือข่ายบล็อกเชน อย่างไรก็ตาม เครื่องมือที่แค่ให้คุณลากและวางอย่าง Furucombo ช่วยให้ไม่จำเป็นต้องเขียนโค้ด โดยให้คุณสร้างธุรกรรมจากบล็อกคำสั่งที่เรียงลำดับไว้

Flash Loan เปิดโอกาสให้ทำการเทรดแบบ arbitrage ซึ่งความแตกต่างเล็กน้อยของราคาระหว่างแพลตฟอร์มอาจหมายถึงผลกำไรมหาศาลหากใช้ Leverage เพียงพอ การโจมตี (exploit) กลไก DeFi หลายครั้งก็มักอาศัย Flash Loan เพื่อให้ผลกระทบของการโจมตีรุนแรงที่สุด

เงินกู้สำหรับการเทรดแบบ Margin

เงินกู้แบบ Margin ใช้หลักประกันเพื่อเพิ่มวงเงินกู้ยืมสำหรับการเทรด แพลตฟอร์มการเทรดขั้นสูง เช่น Binance และ Kraken ให้คุณกู้ยืมโดยใช้ทรัพย์สินที่คุณมีอยู่บนกระดานเทรดเป็นหลักประกันเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการเทรดของคุณ

เงินกู้ Margin มีสองรูปแบบ ได้แก่ Cross Margin และ Isolated Margin

  • เงินกู้ Cross Margin ใช้ทรัพย์สินหลายประเภทเป็นหลักประกันเงินกู้ ตัวอย่างเช่น คุณอาจใช้ ETH, USDC และ BTC ที่คุณถืออยู่เป็น Margin สำหรับการเทรด BTC แบบ Leverage หากคุณถือทรัพย์สินหลายประเภท เงินกู้ Cross Margin มักจะให้วงเงินกู้ที่สูงกว่า
  • Isolated Margin อ้างอิงความสามารถในการกู้ยืมของคุณจากทรัพย์สินเพียงประเภทเดียว โดยใช้ทรัพย์สินนั้นเป็นหลักประกันสำหรับการเทรดเท่านั้น

เงินกู้ Margin ช่วยให้คุณขยายผลกำไรได้ แต่ก็อาจเพิ่มผลขาดทุนได้เช่นกัน หากตลาดเคลื่อนไหวสวนทางกับการเทรดของคุณ Margin ของคุณอาจตกอยู่ในความเสี่ยง เมื่อถึงระดับ LTV ที่กำหนด กระดานเทรดสามารถชำระบัญชี Margin ของคุณบางส่วนหรือทั้งหมดเพื่อปิดการเทรดได้ ระดับ LTV มักจะแตกต่างกันไปตามการเทรดและทรัพย์สินที่ใช้เป็นหลักประกัน

การเทรดมาร์จิ้น

ความแตกต่างระหว่างเงินกู้ CeFi และ DeFi คืออะไร


ความแตกต่างที่สำคัญที่สุดระหว่างเงินกู้ CeFi และ DeFi คือ เงินกู้ CeFi อำนวยความสะดวกโดยแพลตฟอร์ม Lending แบบรวมศูนย์ เงินกู้ DeFi อำนวยความสะดวกโดยใช้ Smart Contract ในกรณีแรก บริษัทเป็นผู้กำหนดกฎเกณฑ์ และกรณีหลัง กฎของ Smart Contract ถูกระบุไว้บนบล็อกเชนและไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้มากนัก

ผู้ให้กู้คริปโตแบบรวมศูนย์มักทำให้การกู้ยืมง่ายขึ้นสำหรับผู้ใช้ใหม่ และอาจมอบระบบนิเวศคริปโตที่ครบวงจร เช่น บริการซื้อ ขาย Stake และโปรแกรมรางวัล นอกเหนือไปจากการให้ยืม อย่างไรก็ตาม ผู้ให้กู้แบบรวมศูนย์อาจมีความโปร่งใสน้อยกว่า ซึ่งหมายความว่าคุณอาจไม่ทราบความแข็งแกร่งทางการเงินของแพลตฟอร์ม หรือไม่แน่ใจว่าผู้บริหารแพลตฟอร์มได้รับความเสี่ยงที่น่าสงสัยหรือไม่ ในปี 2022 มีเหตุการณ์ที่แพลตฟอร์มคริปโตล่มสลายหลายแห่ง รวมถึง Celsius Network ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นแพลตฟอร์ม Lending รายใหญ่

ในทางกลับกัน โปรโตคอลการให้ยืมแบบ DeFi อาจดูน่ากลัวสำหรับผู้ใช้ใหม่ อย่างไรก็ตาม เมื่อคุณคุ้นเคยกับการทำธุรกรรมบนบล็อกเชนด้วยกระเป๋าคริปโตแล้ว หลาย ๆ แพลตฟอร์มก็ใช้งานง่ายยิ่งกว่าเวอร์ชันแบบรวมศูนย์ด้วยซ้ำ อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญคือต้องเข้าใจถึงอัตราดอกเบี้ยที่อ้างอิงตามอุปสงค์และอุปทาน ต้นทุนการกู้ยืมสำหรับเงินกู้ใหม่และเงินกู้ที่มีอยู่เดิมอาจพุ่งสูงขึ้นเมื่อกองทุนให้กู้ใกล้จะเต็ม

แพลตฟอร์มให้กู้ยืมคริปโตแบบ DeFi อาจมีช่องโหว่ต่อการถูกโจมตี ข้อบกพร่องใน Smart Contract อาจทำให้เงินฝากคริปโต (หลักประกัน) บนแพลตฟอร์มตกอยู่ในความเสี่ยง

ข้อดีของการกู้ยืม Crypto


ข้อดีประการหนึ่งของเงินกู้คริปโตคือ ช่วยลดขั้นตอนเอกสารที่ยุ่งยากซึ่งมักพบในการกู้ยืมแบบเดิม ๆ ในหลายกรณี คุณสามารถเข้าถึงเงินกู้ได้ทันที และสามารถชำระคืนได้ตามสะดวก ในบางสถานการณ์ เงินกู้คริปโตยังมีข้อได้เปรียบด้านภาษีเมื่อเทียบกับการขายทรัพย์สินคริปโตที่มีกำไรต้องเสียภาษีเพื่อระดมทุน

เข้าถึงเงินกู้ได้อย่างรวดเร็ว

เงินกู้คริปโตส่วนใหญ่ให้คุณเข้าถึงเงินที่กู้ยืมได้ทันที โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อกู้ยืมผ่าน DeFi ซึ่งธุรกรรมจะเกิดขึ้นรวดเร็วเท่าที่บล็อกเชนจะยืนยันได้ เงินกู้ที่คุณได้รับจะปรากฏในกระเป๋าของคุณภายในไม่กี่วินาที

อย่างไรก็ตาม ผู้ให้กู้แบบรวมศูนย์อาจใช้เวลานานกว่า ตัวอย่างเช่น คุณอาจได้รับเงินภายใน 24 ชั่วโมง หากคุณต้องการเงินทันที ให้ตรวจสอบข้อกำหนดและเงื่อนไขให้แน่ใจว่าแพลตฟอร์มที่คุณเลือกตรงตามความต้องการของคุณ

ไม่ต้องตรวจสอบเครดิต

เนื่องจากเงินกู้คริปโตใช้ทรัพย์สินดิจิทัลของคุณเป็นหลักประกัน จึงมักไม่จำเป็นต้องตรวจสอบเครดิต ข้อยกเว้นหลักคือเงินกู้ประเภทพิเศษผ่านผู้ให้กู้แบบรวมศูนย์ อย่างไรก็ตาม เมื่อใช้แพลตฟอร์ม DeFi อย่าง Aave คุณไม่จำเป็นต้องแม้แต่จะระบุชื่อ ธุรกรรมทั้งหมดใช้ที่อยู่กระเป๋าคริปโตของคุณเป็นข้อมูลประจำตัวแบบนิรนาม

ความยืดหยุ่นในเงื่อนไขการชำระคืน

เงินกู้แบบผ่อนชำระและบัตรเครดิตมักจะกำหนดให้ต้องจ่ายเงินคงที่หรือขั้นต่ำ ซึ่งผูกมัดคุณให้ต้องจ่ายรายเดือน ในทางตรงกันข้าม เงินกู้คริปโตใช้ทรัพย์สินดิจิทัลของคุณเป็นหลักประกัน โดย LTV จะเป็นปัจจัยสำคัญที่กำหนดเงื่อนไขการชำระเงิน

คุณสามารถเลือกที่จะไม่จ่ายเงินคืนในกรณีเงินกู้คริปโตส่วนใหญ่ สิ่งสำคัญที่ต้องดูคือระดับ LTV ของคุณ เมื่อมีดอกเบี้ยสะสมหรือมูลค่าหลักประกันของคุณลดลง คุณอาจจำเป็นต้องจ่ายเงินหรือฝากหลักประกันเพิ่มเพื่อรักษาระดับความสุขภาพของเงินกู้ของคุณ

ความได้เปรียบด้านภาษี

เงินกู้คริปโตสามารถเป็นทางเลือกที่ช่วยประหยัดเมื่อเทียบกับการขายคริปโตของคุณเพื่อระดมทุน ตัวอย่างเช่น หากคุณซื้อ Bitcoin ในราคา $15,500 และตอนนี้ Bitcoin มีมูลค่า $70,000 คุณอาจต้องเสียภาษีกำไรจากการขาย (capital gain tax) หากคุณขาย แต่ถ้ากู้ยืมโดยใช้ Bitcoin เป็นหลักประกัน คุณสามารถเข้าถึงมูลค่าบางส่วนของทรัพย์สินที่คุณถือโดยไม่ต้องเกิดเหตุการณ์ที่ต้องเสียภาษี

ความเสี่ยงของเงินกู้ Crypto


แพลตฟอร์ม Crypto Lending ให้การเข้าถึงเงินทุนได้อย่างรวดเร็ว แต่เงินกู้คริปโตก็มาพร้อมกับความเสี่ยงบางประการ ทั้งแพลตฟอร์มแบบรวมศูนย์และกระจายศูนย์มีความเสี่ยงในการถูกชำระบัญชีหากมูลค่าเงินกู้เกินข้อกำหนด LTV และทั้งสองประเภทแพลตฟอร์มยังมีความเสี่ยงด้านความปลอดภัยอีกด้วย

ความเสี่ยงจากความผันผวนของหลักประกัน

ราคาคริปโตคือครึ่งหนึ่งของสมการเมื่อคำนวณ LTV Bitcoin เคยพุ่งสูงถึงเกือบ $70,000 ในปลายปี 2021 ก่อนที่จะร่วงลงต่ำกว่า $16,000 ในตลาดขาลงที่ตามมา เงินกู้ที่ใช้ Bitcoin เป็นหลักประกันในช่วงเวลานั้นจะต้องใช้หลักประกันเพิ่มเติม หรือไม่ก็ต้องชำระคืนเงินกู้ให้เหลือน้อยลงหรือชำระทั้งหมด

ตัวเลือกสุดท้ายคือการถูกชำระบัญชี ซึ่งแพลตฟอร์ม Lending จะขาย BTC เพื่อชำระยอดคงค้างของเงินกู้ ความผันผวนในแต่ละวันหรือเดือนที่ตลาดคริปโตตกต่ำอาจทำให้หลักประกันของคุณตกอยู่ในความเสี่ยง

นอกจากนี้ คุณอาจต้องพิจารณามูลค่าของทรัพย์สินที่คุณกู้ยืมเทียบกับหลักประกันด้วย ตัวอย่างเช่น หากคุณใช้ USDC (ผูกกับดอลลาร์สหรัฐ) เป็นหลักประกันบน Aave แล้วกู้ยืมเป็น ETH คุณอาจจบลงด้วยเงินกู้ที่มีมูลค่าสูงกว่าเดิมหากมูลค่าของ ETH เพิ่มขึ้น คุณต้องชำระคืนเงินกู้เป็น ETH ซึ่งอาจมีมูลค่าสูงกว่าตอนที่คุณกู้ยืมมามาก

ความเสี่ยงด้านความปลอดภัย

ทั้งแพลตฟอร์ม Lending แบบรวมศูนย์และกระจายศูนย์ก็นำมาซึ่งความเสี่ยงด้านความปลอดภัย แม้ว่าประเภทของความเสี่ยงจะแตกต่างกัน

แพลตฟอร์มแบบรวมศูนย์มักมีหลักฐานยืนยันตัวตนของคุณและข้อมูลส่วนตัวอื่น ๆ ซึ่งอาจสร้างความเสี่ยงในการถูกขโมยข้อมูลประจำตัว นอกจากนี้ แพลตฟอร์มเหล่านี้มักจะมีการรักษาความปลอดภัยด้วยข้อมูลการเข้าสู่ระบบของคุณ หากมีคนสามารถเข้าถึงบัญชีของคุณได้ก็จะเข้าถึงหลักประกันคริปโตของคุณ และอาจสามารถซื้อของโดยใช้ข้อมูลการชำระเงินที่คุณบันทึกไว้ได้ สุดท้ายนี้ ปริมาณเงินคริปโตบนแพลตฟอร์มแบบรวมศูนย์ก็ดึงดูดแฮกเกอร์ให้เข้ามาเช่นกัน

แพลตฟอร์มแบบกระจายศูนย์ก็ดึงดูดแฮกเกอร์ที่กระตือรือร้นจะใช้ประโยชน์จากข้อบกพร่องใน Smart Contract เช่นกัน หากมีคนประสบความสำเร็จในการโจมตีแพลตฟอร์ม ก็อาจเป็นไปได้ที่จะขโมยเงินฝากหลักประกันบนแพลตฟอร์มนั้นไปทั้งหมด

ความเสี่ยงจาก Rehypothecation

Rehypothecation หมายถึงการนำหลักประกันไปใช้ใหม่ ความเสี่ยงนี้เป็นสิ่งที่ต้องพิจารณาเมื่อใช้แพลตฟอร์ม Lending แบบรวมศูนย์ หากแพลตฟอร์มนำหลักประกันของคุณไปใช้ค้ำประกันเงินกู้ของคุณ แต่ขณะเดียวกันก็นำหลักประกันชิ้นเดียวกันนั้นไปเสี่ยงกับการพนันที่ไม่น่าไว้วางใจที่อื่นในโลกคริปโต หลักประกันของคุณอาจหายไปแล้วไม่ว่าตัวเลขในแดชบอร์ดผู้ใช้ของคุณจะแสดงอย่างไรก็ตาม

อัตราดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียม

ค่าธรรมเนียมและดอกเบี้ยก็อาจทำให้หลักประกันของคุณตกอยู่ในความเสี่ยงได้เช่นกัน ตัวอย่างเช่น เงินกู้คริปโตบางรายการมีค่าธรรมเนียมการก่อตั้ง (origination fee) ซึ่งจะหักเอาจากมูลค่าเงินกู้ของคุณ ทำให้คุณเริ่มต้นด้วยยอดติดลบตั้งแต่วันแรกที่เงินกู้ได้รับอนุมัติ

อัตราดอกเบี้ยก็สร้างความเสี่ยงอย่างต่อเนื่องด้วยเช่นกัน กับผู้ให้กู้แบบรวมศูนย์ คุณมักจะกู้ยืมได้ในอัตราคงที่ ซึ่งทำให้คุณวางแผนการชำระเงินได้ ในทางกลับกัน แพลตฟอร์ม Lending แบบกระจายศูนย์ส่วนใหญ่ใช้อัตราแปรผันตามอุปสงค์และอุปทาน หากกองทุนให้ยืมใกล้เต็ม เงินกู้ที่มีอัตรา 8% สามารถกลายเป็นเงินกู้ที่มีอัตราดอกเบี้ย 105% หรือสูงกว่านั้นในพริบตา

วิธีการจัดอันดับแพลตฟอร์ม Crypto Lending ยอดเยี่ยม


เราพิจารณาหลายปัจจัยเมื่อเลือกแพลตฟอร์ม Crypto Lending ที่ดีที่สุด ได้แก่ ความปลอดภัยของแพลตฟอร์ม ความง่ายในการใช้งาน อัตราดอกเบี้ย และขีดจำกัด LTV

ความง่ายในการใช้งาน 30%

เราให้ความสำคัญกับแพลตฟอร์มที่มีอินเทอร์เฟซที่ใช้งานง่าย สำหรับแพลตฟอร์ม DeFi เรายังพิจารณาถึงตัวเลือกที่รองรับกระเป๋าเงินคริปโตที่มีเอกสารอธิบายอย่างละเอียด เช่น MetaMask

ความปลอดภัยและการตรวจสอบ 30%

เราพิจารณาปัจจัยด้านความปลอดภัยตั้งแต่การเก็บรักษาแบบ Cold Storage ไปจนถึง Vault ที่ได้รับการป้องกันซึ่งช่วยกำจัดความเป็นไปได้ของ Rehypothecation กฎระเบียบและการกำกับดูแลก็รวมอยู่ในหมวดหมู่นี้เช่นกัน สำหรับแพลตฟอร์ม DeFi เรามองหาการตรวจสอบล่าสุดโดยบริษัทตรวจสอบ Smart Contract ที่มีชื่อเสียง

อัตราดอกเบี้ย 20%

อัตราดอกเบี้ยของบริษัทเงินกู้คริปโตมักจะเคลื่อนไหวตามอัตราดอกเบี้ยในตลาด รวมถึงอุปสงค์และอุปทานสำหรับกองทุนให้ยืม ดังนั้นหมวดหมู่นี้จึงมีน้ำหนักต่ำกว่า อย่างไรก็ตาม บางแพลตฟอร์มมีอัตราที่สูงกว่าหรือต่ำกว่าอย่างเห็นได้ชัดเมื่อเทียบกับแพลตฟอร์ม CeFi หรือ DeFi ที่คล้ายคลึงกัน

ขีดจำกัด LTV 10%

ขีดจำกัด LTV ที่สูงอาจบ่งชี้ถึงความเสี่ยงที่สูงขึ้นในการถูกชำระบัญชีเนื่องจากความผันผวนของตลาด ส่วนขีดจำกัด LTV ที่ต่ำให้ความปลอดภัยมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ขีดจำกัด LTV ที่สูงขึ้นก็มอบวงเงินกู้ยืมที่สูงขึ้นตามหลักประกัน หมวดหมู่นี้มีน้ำหนักต่ำกว่าเนื่องจากความต้องการ LTV ของแต่ละผู้กู้นั้นขึ้นอยู่กับปัจจัยเฉพาะบุคคล

ตัวเลือกและความเร็วในการจัดหาเงินกู้ 10%

นอกจากนี้ เรายังพิจารณาถึงตัวเลือกการจัดหาเงินกู้และความรวดเร็วในการให้กู้ยืมด้วย โดยที่แพลตฟอร์ม CeFi เป็นตัวเลือกเดียวสำหรับการจัดหาเงินกู้ในสกุล USD แพลตฟอร์ม CeFi บางแห่งอาจใช้เวลาถึง 48 ชั่วโมงในการจัดหาเงินกู้ ในทางกลับกัน แพลตฟอร์ม Crypto Lending แบบ DeFi มักจะจ่ายเงินกู้ให้ทันที

บทสรุป


เงินกู้คริปโตมอบประโยชน์ในแง่ของ Leverage ที่ทรงพลัง ช่วยให้คุณใช้ประโยชน์จากมูลค่าของทรัพย์สินคริปโตของคุณได้โดยไม่ต้องขายทรัพย์สินเหล่านั้น ในหลายกรณี นี่ยังช่วยหลีกเลี่ยงหนี้สินภาษีจากการจำหน่ายทรัพย์สินเพื่อระดมทุนอีกด้วย แทนที่จะทำเช่นนั้น คุณเพียงแค่โอนเงินทุนพร้อมกับรักษากรรมสิทธิ์ในทรัพย์สิน แต่นำทรัพย์สินดิจิทัลนั้นไปเป็นหลักประกันเงินกู้ผ่านแพลตฟอร์ม Lending

ศึกษาความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการกู้ยืมคริปโตก่อนตัดสินใจกู้เงิน แพลตฟอร์ม DeFi อาจมีความเสี่ยงต่อการถูกโจมตี และแพลตฟอร์ม CeFi อาจดึงดูดแฮกเกอร์ที่มองหารหัสเข้าใช้งานหรือคีย์ของกระเป๋าเงิน แพลตฟอร์ม CeFi ยังอาจมีความเสี่ยงต่อการล้มละลายเพิ่มเติม ซึ่งอาจทำให้หลักประกันของคุณตกอยู่ในความเสี่ยงได้เช่นกัน

แหล่งอ้างอิง

คำถามที่พบบ่อย

เงินกู้คริปโตคืออะไร?

เงินกู้คริปโตคือเงินกู้ที่ใช้ทรัพย์สินดิจิทัลของคุณเป็นหลักประกัน โดยใช้คริปโตของคุณเป็นประกันเงินกู้ คุณจึงมักจะได้รับเงินกู้ทันทีและไม่ต้องยุ่งยากกับเอกสารและการอนุมัติที่มักจะเกี่ยวข้องกับการกู้ยืมแบบเดิม ๆ

แพลตฟอร์ม Crypto Lending ที่ดีที่สุดคืออะไร?

หากต้องการความสะดวก คุณสามารถพิจารณาแพลตฟอร์มอย่าง Nexo ซึ่งให้บริการเงินกู้แบบทันทีและยังมีบัตรเครดิตคริปโตที่สามารถใช้ในโหมดเดบิตหรือเครดิตได้

คุณสามารถกู้คริปโตได้โดยไม่ต้องใช้หลักประกันหรือไม่?

เงินกู้คริปโตส่วนใหญ่ต้องการหลักประกัน อย่างไรก็ตาม Flash Loan ให้คุณกู้ยืมได้โดยไม่ต้องใช้หลักประกันโดยการสร้างธุรกรรมที่กู้ยืมและชำระคืนภายในหนึ่งธุรกรรมเดียว

เงินกู้คริปโตที่ดีที่สุดมีอะไรบ้าง?

แพลตฟอร์ม DeFi ที่ได้รับความไว้วางใจอย่าง Aave มักจะให้วิธีการกู้ยืมที่ดีที่สุดสำหรับความต้องการระยะสั้น อย่างไรก็ตาม อัตราดอกเบี้ยอาจพุ่งสูงขึ้นเนื่องจากอุปสงค์และอุปทานของกองทุนให้กู้ยืม หากคุณต้องการอัตราคงที่ คุณสามารถพิจารณาแพลตฟอร์ม Lending แบบรวมศูนย์อย่าง Nexo

การกู้ยืมคริปโตมีความเสี่ยงหรือไม่?

เงินกู้คริปโตอาจมีความเสี่ยง โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณเลือกอัตราส่วนเงินกู้ต่อมูลค่าหลักประกัน (LTV) ที่สูงกว่า ซึ่งจะสร้างความเสี่ยงที่มากขึ้นในการถูกชำระบัญชีสำหรับหลักประกันของคุณ ความเสี่ยงของแพลตฟอร์มเป็นอีกสิ่งที่ต้องพิจารณา การแฮ็กหรือการล้มละลายอาจทำให้หลักประกันของคุณตกอยู่ในความเสี่ยงได้