รายงานเผยชาวจีนแห่แลกคืน CBDC กลับเป็นเงินสด
ชาวจีนจำนวนมากยังคงลังเลที่จะใช้สกุลเงินดิจิทัลของธนาคารกลางจีน (CBDC) โดยรายงานเมื่อวันที่ 13 พฤษภาคมเปิดเผยว่า คนงานบางคนที่ได้รับเงินเดือนเป็นเงินหยวนดิจิทัล (e-CNY) ได้แปลงสินทรัพย์ที่ได้รับมากลับเป็นเงินสดในทันทีหลังจากได้รับเงิน ซึ่งบ่งชี้ได้ถึงความต้องการที่ค่อนข้างชัดเจนว่า พวกเขาต้องการเงินสดมากกว่าเงินดิจิทัล
แม้ว่ารัฐบาลจีน จะพยายามส่งเสริมการนำเงินหยวนดิจิทัลมาใช้ แต่รายงานจากสื่อท้องถิ่นอย่าง South China Morning Post กลับระบุว่า คนงานจำนวนมากยังคงลังเลที่จะใช้เงินหยวนดิจิทัลเพื่อทำธุรกรรมรายวัน
UPDATE: CHINESE WORKERS WHO ARE PAID IN CBDC, E-CNY, ARE REPORTEDLY CASHING OUT FOR PHYSICAL MONEY
— BSCN Headlines (@BSCNheadlines) May 13, 2024
ความกังวลของชาวจีนที่มองว่า CBDC ไร้ประโยชน์
รายงานดังกล่าวยังได้สำรวจความคิดเห็นของคนงานในท้องถิ่น และให้รายละเอียดถึงเหตุผลที่พวกเขายังไม่มั่นใจที่จะเปลี่ยนไปใช้เงินหยวนดิจิทัล
Ye Dongyan นักวิจัยจาก Cheung Kong Graduate School of Business ในกรุงปักกิ่ง เน้นย้ำถึงความจำเป็นในการสร้างสมดุลระหว่างความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัย ซึ่งจะส่งผลต่อความก้าวหน้าในการส่งเสริมการใช้เงินหยวนดิจิทัลให้ลดน้อยถอยลง
“เพราะเงินหยวนที่เป็น ธนบัตรสามารถ ใช้ได้โดยไม่ต้องเปิดเผยตัวตน แต่เงินหยวนดิจิทัลนั้นแตกต่างออกไป” เขากล่าว “ดังนั้น ขอบเขตของการติดตามข้อมูลและการป้องกันความปลอดภัยของข้อมูล จึงเป็นสิ่งที่จำเป็นต้องไตร่ตรองเพิ่มเติม”
ข้าราชการชาวจีนยังได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการใช้ CBDC ด้วยเช่นกัน
Andrew Wang หนึ่งในข้าราชการชาวจีนกล่าวว่า เขาไม่กังวลกับแนวคิดเรื่องเงินดิจิทัลมากนัก เนื่องจากเขาได้รับเงินหยวนดิจิทัลเพียงบางส่วนจากเงินเดือนทั้งหมด อย่างไรก็ตาม ภรรยาของเขาได้รับเงินเดือนทั้งหมดเป็นเงินหยวนดิจิทัล ซึ่งทำให้เธอต้องถอนเงินทั้งหมดกลับเป็นเงินสดโดยทันที เนื่องจากเธอเห็นว่า CBDC ไม่ใช่เหรียญที่ดีที่สุดและไร้ประโยชน์สำหรับเธอ
เขาอธิบายว่า เธอไม่สามารถฝากเงินหรือซื้อสินค้าด้วย e-CNY wallet ได้ ซึ่งทำให้ประโยชน์ใช้งานจำกัด และทำให้การใช้เงินสดกลายเป็นทางเลือกที่ดีกว่า
Even in China, skepticism is strong when it comes to CBDCs.
Those who have been paid in the digital Yuan choose to convert it to cash almost immediately. pic.twitter.com/I1Mho48oHe
— Coin Bureau (@coinbureau) May 13, 2024
จากข้อมูลพบว่า ประเทศจีนเริ่มทดลองใช้เงินหยวนดิจิทัลใน บางมณฑลตั้งแต่ปี 2019 และพยายามขยายขอบเขตไปทั่วประเทศท่ามกลางการแข่งขันระดับโลกที่ดุเดือด เพื่อมุ่งหวังที่จะสร้างสกุลเงินดิจิทัลที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล แม้ว่าจะไม่มีการประกาศกำหนดเวลาที่แน่ชัดสำหรับการเปิดตัวในระดับประเทศ แต่ประเทศจีนก็ยังคงส่งเสริมการใช้งานสกุลเงินดิจิทัลอย่างแข็งขัน นับตั้งแต่เริ่มต้นการทดลองเป็นต้นมา
เงินหยวนดิจิทัลมีการทำธุรกรรมไปแล้วกว่า 2.5 แสนล้านดอลลาร์
Yi Gang อดีตผู้ว่าการธนาคารประชาชนจีน ให้สัมภาษณ์กับ South China Morning Post ไว้ว่า ตั้งแต่กลางปี 2023 มีการทำธุรกรรมผ่านเงินหยวนดิจิทัลไปแล้วมากกว่า 2.5 แสนล้านดอลลาร์
เขาเน้นย้ำว่า ความเป็นส่วนตัวยังคงเป็นปัญหาสำคัญ แม้ว่าการทำธุรกรรมจะมีปริมาณมากแค่ไหนก็ตาม
เงินหยวนดิจิทัลแตกต่างจากเงินสดแบบดั้งเดิม เพราะเงินที่เป็นธนบัตรสามารถทำธุรกรรมได้โดยไม่ต้องเปิดเผยตัวตน ในขณะที่เงินหยวนดิจิทัลสามารถตรวจสอบย้อนกลับได้ทั้งหมด ทำให้รัฐบาลมองเห็นกิจกรรมทางการเงินของแต่ละบุคคล การละเมิดความเป็นส่วนตัวนี้ทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับการเฝ้าระวัง และการละเมิดข้อมูลทางการเงินที่อาจเกิดขึ้นได้
ในขณะที่ความกังวลของ Gang มุ่งเน้นไปที่ความเป็นส่วนตัว บริษัทกฎหมายชั้นนำของจีนได้วิเคราะห์ ความท้าทายในการต่อต้านการฟอกเงิน (AML) ที่เกิดจากเงินหยวนดิจิทัล โดยเน้นย้ำไปถึงการทำธุรกรรมสกุลเงินดิจิทัลข้ามพรมแดน ซึ่งอาจทำให้วิธีการตรวจสอบ AML แบบเดิมมีความซับซ้อนมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม ธนาคารพาณิชย์อุตสาหกรรมแห่งประเทศจีน (ICBC) ซึ่งเป็นธนาคารที่ใหญ่ที่สุดในโลก เมื่อพิจารณาจากสินทรัพย์รวม ในรายงานประจำปี พบว่า ในปี 2023 e-CNY wallet มากกว่า 15 ล้านกระเป๋า ถูกสร้างขึ้นในนามบุคคล และ 1.3 ล้านกระเป๋าถูกสร้างขึ้นในนามองค์กรธุรกิจ ในขณะที่ มีธุรกิจมากกว่า 2.7 ล้านแห่ง ยอมรับการใช้สกุลเงินดิจิทัลนี้
Crypto News รายงานในเดือนกุมภาพันธ์ว่า มีการเปิดใช้กระเป๋าเงินหยวนดิจิทัลมากกว่า 29.16 ล้านหยวนในเมืองซูโจว ประเทศจีน เนื่องจากบุคคลและบริษัทมีการทำธุรกรรมผ่าน CBDC ที่มีมูลค่ากว่า 416,811,390,000 ดอลลาร์ในปี 2023
ขณะนี้ เงินหยวนดิจิทัลสามารถใช้เพื่อจ่ายค่าบริการสาธารณะต่าง ๆ เช่น การชำระภาษี และประกันสังคม ซึ่งนอกเหนือไปจากการใช้จ่ายส่วนตัวโดยทั่วไป