. 1 min read

วิธีเก็บเหรียญคริปโตให้ปลอดภัย ฉบับปี 2024 มือใหม่ควรรู้!

วิธีเก็บเหรียญคริปโตให้ปลอดภัย

หลายคนนอนไม่หลับทั้งคืนเพราะพวกเขารู้ว่าเหรียญคริปโตของพวกเขาอาจถูกขโมยไปได้ ทั้งนี้ทั้งนั้น การเก็บเหรียญคริปโตของคุณให้ปลอดภัยนั้นง่ายกว่าที่เห็นอย่างแน่นอน… โดยคู่มือนี้จะมาสอนวิธีเก็บเหรียญคริปโตของคุณให้ปลอดภัย

การซื้อเหรียญคริปโตเคอเรนซี่ถือเป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่การเก็บเหรียญให้ปลอดภัยจะต้องใช้ทักษะและความรู้ที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง คู่มือนี้จะสอนวิธีป้องกันเหรียญของคุณ, เลือก Crypto Wallet ที่เหมาะสม, และหลีกเลี่ยงอันตรายที่พบเจอได้บ่อยที่สุดในเรื่องรักษาความปลอดภัยของเหรียญคริปโต

Crypto Wallet คืออะไร?


Crypto Wallet คือโปรแกรมซอฟต์แวร์ที่ออกแบบมาเพื่อเก็บ Public Key และ Private Key ของคุณ, โอนและรับเหรียญคริปโต, ตรวจสอบเหรียญที่เหลือ, และโต้ตอบกับ Blockchain ต่างๆ โดยคุณต้องมี Crypto Wallet เพื่อเก็บเหรียญคริปโตเคอเรนซี่ของคุณและรักษาเหรียญให้ปลอดภัย

มี Crypto Wallet มากมาย แต่ความแตกต่างที่สำคัญเลยก็คือเป็น Hot Wallet หรือ Cold Wallet กันแน่

Hot Wallet เชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตและสามารถเข้าถึงได้ตลอดเวลา

Cold Wallet ไม่ได้เชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตและทำให้คุณสามารถจัดเก็บเหรียญของคุณแบบออฟไลน์ได้ คุณยังคงสามารถรับเงินได้ตลอดเวลา แต่ไม่มีใครสามารถโอนออกไปได้

Hot Wallet ได้แก่ Cloud Wallet, Mobile Wallet, Software Wallet, และกระดานแลกเปลี่ยนทั้งหมด

Cold Wallet ได้แก่ Hardware Wallet, Paper Wallet ที่เก็บไว้แบบออฟไลน์, USB, และอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลออฟไลน์, และยังเป็นสินทรัพย์ที่จับต้องได้ เช่น Physical Bitcoin

ผู้ถือเหรียญคริปโตเคอเรนซี่ส่วนใหญ่จะใช้ทั้ง Cold Wallet และ Hot Wallet โดยอย่างหลังจะมีประโยชน์เมื่อทำการเทรดบ่อยๆ ส่วน Cold Wallet จะดีกว่าสำหรับการถือครองเหรียญคริปโตในระยะยาว

แต่ก่อนที่เราจะเจาะลึก Crypto Wallet รูปแบบต่างๆ ต่อไปนี้เป็นข้อเตือนใจสั้นๆ ว่าทำไมกระดานแลกเปลี่ยนจึงไม่ใช่ที่เก็บเหรียญที่ดี

ประเภทของ Crypto Wallet


Crypto Wallet มีห้าประเภทด้วยกัน ได้แก่ Paper Wallet, Hardware Wallet, Cloud Wallet, Multisignature Wallet, และ Online Wallet โดยใครที่ไม่รู้ว่าจะเก็บเหรียญคริปโตไว้ที่ไหนดี เรามาดูกันทีละอย่างกันเลยดีกว่า

Multisignature Wallet

Multisignature Wallet เป็นโซลูชันที่ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ และเป็นวิธีขั้นสูงในการเก็บรักษา Private Key ให้กระจายอย่างปลอดภัยไปยังคนอื่นๆ ถือเป็นโซลูชั่นรักษาความปลอดภัยชั้นยอดสำหรับธุรกิจ สำนักงานธุรกิจครอบครัว องค์กรแบบกระจายอำนาจ และคนทั่วไป

Multisignature Wallet เป็นการตั้งค่าระหว่างหลายฝ่าย ตัวอย่างเช่น คุณสามารถตั้งค่า Wallet ที่สามารถปลดล็อกได้ด้วยกุญแจ (Key) 2 ใน 3 กับเพื่อน สมาชิกครอบครัว หรือหุ้นส่วนธุรกิจที่คุณไว้วางใจที่สุด ด้วยวิธีนี้ เหรียญของคุณจึงปลอดภัยแม้ว่าหนึ่งในคีย์จะถูกแฮ็กหรือสูญหายก็ตาม

การตั้งค่ารูปแบบหลายลายเซ็นอาจเป็นเรื่องยากสักหน่อย แต่จะค่อยๆ ง่ายขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป เพราะคนทั่วไปสามารถเข้าถึงเครื่องมือได้มากขึ้น เราขอแนะนำให้ลองดูบทช่วยสอนนี้จาก BTC Sessions

ถ้าคุณยังไม่เชื่อใจตัวเองในการเป็นสร้าง Multisignature Wallet ของคุณเอง ก็มีบริการ Bitcoin Multisig มากมายที่จะมาบรรเทาปัญหาและความกดดันลงไป ถ้าคุณสนใจรับความช่วยเหลือเกี่ยวกับการทำ Multisignature แบบมืออาชีพ ก็สามารถติดตามได้ที่:

ด้วยการรวม Cold Wallet และ Multisignature Wallet เข้าด้วยกัน ทั้งบุคคลและบริษัทจะสามารถบรรลุระดับการรักษาความปลอดภัยขั้นสูงที่ไม่เคยมีมาก่อนสำหรับการเก็บเหรียญคริปโตของคุณให้ปลอดภัย

Paper Wallet

โดยทั่วไปแล้ว​ Paper Wallet จะจัดอยู่ในประเภท Cold Wallet โดยคำว่า ‘Paper Wallet’ โดยทั่วไปหมายถึงสำเนาทางกายภาพหรือการพิมพ์บนกระดาษของ Public Key และ Private Key ของคุณ ในบางครั้งก็หมายถึงซอฟต์แวร์ที่ใช้สร้างคู่คีย์ พร้อมกับไฟล์ดิจิทัลที่ใช้ในการพิมพ์ โดยคุณสามารถโอน Paper Wallet ของคุณไปยังไคลเอนต์ซอฟต์แวร์หรือสแกนรหัส QR เพื่อโอนเหรียญของคุณก็ได้เหมือนกัน

แม้ว่า Paper Wallet จะถือเป็น Cold Wallet อีกรูปแบบหนึ่ง แต่ก็เป็นเทคโนโลยีที่มีความเสี่ยงและถือว่าล้าสมัยสุดๆ โดยทั่วไปจะไม่แนะนำให้เก็บเหรียญคริปโตเคอเรนซี่ไว้ใน Paper Wallet เป็นจำนวนมากๆ ในปี 2024 กันแล้ว

Cloud Wallet

Online Wallet ตามคำนิยามจริงๆ ก็คือ Hot Wallet โดยคุณจะสามารถเข้าถึงเหรียญของคุณผ่านคอมพิวเตอร์ มือถือ หรือสถานที่ใดก็ได้ เป็นที่เก็บเหรียญที่สะดวกสุดๆ แต่ Private Key ของคุณจะถูกเก็บไว้ในอินเทอร์เน็ตและสามารถถูกควบคุมโดยบุคคลที่สามได้ ดังนั้น Wallet เหล่านี้จึงเสี่ยงต่อการถูกแฮ็กและถูกขโมยมากกว่า โดย Cloud Wallet ยอดนิยม ได้แก่ :

  • Guarda
  • Coinbase
  • Metamask
  • Blockchain.info

Cloud Wallet เวอร์ชันที่ปลอดภัยกว่าคือ Non-custodial Wallet ซึ่งสามารถเข้าถึงได้ผ่านทางเว็บและแอพ แต่ผู้ให้บริการจะไม่สามารถเข้าถึง Private Key ของคุณได้ ในกรณีส่วนใหญ่ Wallet เหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของกระดานแลกเปลี่ยน ซึ่งหมายความว่าจะให้คุณแลกเปลี่ยนเหรียญได้อย่างปลอดภัย โดยตัวอย่างของ Non-custodial Cloud Wallet ได้แก่:

Cloud WalletSoftware Wallet

Software Wallet จะต้องมีการดาวน์โหลดและติดตั้งลงบนคอมพิวเตอร์ส่วนตัวหรือโทรศัพท์มือถือ โดยถือเป็น Hot Wallet ซึ่งมีความปลอดภัยในระดับสูง อย่างไรก็ตาม Wallet เหล่านี้ก็ไม่สามารถป้องกันคุณจากการแฮ็กและไวรัสได้ ดังนั้นคุณควรพยายามอย่างเต็มที่เพื่อให้อุปกรณ์ของคุณไม่มีมัลแวร์ในเครื่อง

ตามหลักแล้ว Mobile Wallet จะมีขนาดเล็กและใช้งานง่ายกว่า Desktop Wallet แต่คุณก็สามารถจัดการกับเหรียญของคุณได้อย่างง่ายดายโดยใช้สองแบบ นอกจากนี้ Software Wallet บางตัวยังให้คุณเข้าถึงเหรียญผ่านอุปกรณ์หลายเครื่องพร้อมกัน รวมถึงโทรศัพท์มือถือ แล็ปท็อป หรือแม้แต่ Hardware Wallet

  • Jaxx
  • Freewallet
  • Exodus
  • Electrum Wallet
  • Infino Wallet

Hardware Wallet

Hardware Wallet จะแตกต่างกับ Software Wallet สิ้นเชิง โดยจะเก็บ Private Key ของคุณไว้ในอุปกรณ์ภายนอก เช่น USB ถือได้ว่าเป็น Cold Wallet และมีความปลอดภัยสูง นอกจากนี้ยังสามารถใช้ชำระเงินออนไลน์ได้อีกด้วย Hardware Wallet บางตัวยังเข้ากันได้กับเว็บอินเตอร์เฟสและรองรับเหรียญคริปโตหลายสกุลอีกด้วย

Hardware Wallet ได้รับการออกแบบมาเพื่อให้การทำธุรกรรมเป็นเรื่องง่ายและสะดวก ดังนั้นสิ่งที่คุณต้องทำก็แค่เสียบเข้ากับอุปกรณ์ที่สามารถเชื่อมต่อเข้ากับอินเทอร์เน็ต, ปลดล็อก Wallet, โอนเหรียญ, และยืนยันการทำธุรกรรม โดย Hardware Wallet ถือเป็นวิธีที่ปลอดภัยที่สุดในการเก็บเหรียญคริปโต ซึ่งมีข้อเสียเดียวเลยก็คือไม่สามารถใช้งานได้ฟรีเท่านั้น

Hardware Wallet ยอดนิยม ได้แก่:

การซื้อ Hardware Wallet โดยตรงจากผู้ผลิตเป็นวิธีที่ปลอดภัยที่สุด และการซื้อมาจากคนอื่นนั้นไม่ปลอดภัย โดยเฉพาะกับคนที่คุณไม่รู้จัก และข้อควรรู้ก็คือแม้ว่าคุณจะซื้อ Hardware Wallet มาจากผู้ผลิต คุณก็ควรเริ่มตั้งค่าและรีเซตด้วยตนเองเสมอ

โดยทั่วไปแล้ว การเลือก Crypto Wallet จะขึ้นอยู่กับพอร์ตการลงทุนของคุณเอง แน่นอนว่าโปรเจกต์คริปโตที่จริงจังจะมี Wallet เป็นของตัวเอง ซึ่งน่าจะมีบริการบนเว็บไซต์ แต่บางครั้งการมี Multicurrency Wallet ที่รองรับเหรียญได้หลายสกุลก็จะอำนวยความสะดวกได้มากกว่า

โปรดทราบว่าไม่ใช่ Multicurrency Wallet ทุกแบบจะรองรับเหรียญได้ทั้งหมด แม้แต่ Hardware Wallet ก็รองรับเหรียญในจำนวนจำกัด ในทางกลับกัน Wallet ที่รองรับเหรียญคริปโตยอดนิยมเช่น Bitcoin หรือ Ethereum ก็มีไม่น้อยเหมือนกัน

Hardware Wallet

Hardware Wallet. ที่มา: Jaro Larnos / Flickr.

เมื่อคุณได้รับ (Hardware) Crypto Wallet แล้ว คุณจะต้องปกป้องรหัสกู้คืนหรือ Seed Phrase ด้วย โดยหนึ่งในเครื่องมือป้องกันรหัสกู้คืนที่น่าเชื่อถือที่สุดคือ CryptoTag ซึ่งจะให้คุณสามารถเขียนรหัสกู้เอาไว้บนแผ่นไทเทเนียมที่แข็งแรงได้

CryptoTag

อุปกรณ์ Crypto Tag. ที่มา: Cryptotag.io

แนวทางที่ดีที่สุดในการป้องกัน Private Key ไม่ให้ถูกขโมย


เมื่อคุณตัดสินได้แล้วว่าจะเก็บเหรียญคริปโตไว้ที่ไหน และคุณก็เลือกที่จะเก็บเหรียญเอาไว้ใน Crypto Wallet ส่วนตัวของคุณเอง ดีมาก! อย่างไรก็ตาม พลังอันยิ่งใหญ่ก็มาพร้อมกับความรับผิดชอบอันใหญ่ยิ่ง และตอนนี้ ทุกอย่างก็ขึ้นอยู่กับความสามารถของคุณที่จะป้องกันและรักษา Private Key ของคุณให้ปลอดภัยเท่านั้น

ขั้นตอนการป้องกันที่ได้พบบ่อยที่สุดคือ:

  • อย่าเก็บเหรียญคริปโตไว้ในกระดานแลกเปลี่ยนเป็นระยะเวลานานหรือนานกว่าที่จำเป็น
  • เปิดใช้งานระบบยืนยันตัวตนสองชั้น (2FA) เสมอ
  • ถ้าคุณเลือกใช้ Hardware Wallet ให้เลือกรหัส PIN ที่คาดเดาได้ยาก และอย่าเก็บรหัสกู้คืน 24 คำไว้ในอินเทอร์เน็ต
  • อย่าแสดงการถือเหรียญคริปโตต่อสาธารณะภายใต้ชื่อจริงหรือที่อยู่ที่ระบุตัวตนได้ เพราะหัวขโมยบางคนอาจขโมยเหรียญคริปโตแม้ว่าคุณจะเก็บไว้ใน Cold Wallet แบบออฟไลน์ก็ตาม
  • เชื่อแต่สิ่งที่คุณเห็นบนหน้าจอ Hardware Wallet ของคุณ และตรวจสอบข้อมูลทั้งหมดบนอุปกรณ์เท่านั้น
  • คิดเสมอว่าอุปกรณ์ของคุณอาจถูกแฮ็กได้ตลอดเวลา ดังนั้น ควรใช้งานคอมพิวเตอร์หรือโทรศัพท์มือถือของคุณด้วยความระมัดระวัง

นอกจากนี้ ให้ปฏิบัติตามเคล็ดลับเหล่านี้เพื่อลดโอกาสที่เหรียญคริปโตจะถูกขโมย

ระวังเว็บปลอม. ไม่ว่าคุณจะเชื่อมต่อกับกระดานแลกเปลี่ยนหรือ Online Wallet โปรดยืนยันว่าคุณเข้าสู่ระบบด้วยที่อยู่ที่ถูกต้อง เว็บปลอมหลายแห่งเลียนแบบกระดานแลกเปลี่ยนโดยมีจุดประสงค์เพื่อที่จะขโมยข้อมูลการเข้าสู่ระบบของคุณ ตรวจสอบเสมอว่าที่อยู่เว็บไซต์นั้นถูกต้องหรือไม่

HTTPS. เข้าระบบในเว็บที่ความปลอดภัยและมีใบรับรอง HTTPS ที่ถูกต้องเท่านั้น โดยเว็บไซต์ที่ถูกกฎหมายส่วนใหญ่จะมีใบรับรองอย่างน้อยหนึ่งใบ และเพื่อเพิ่มความปลอดภัย ให้ลองใช้ปลั๊กอินเบราว์เซอร์ เช่น HTTPS Everywhere ร่วมด้วย

เชื่อมต่อ Wi-Fi ที่ปลอดภัย. อย่าเชื่อมต่อ Online Wallet, บัญชีกระดานเทรด, หรืออะไรก็ตามที่ต้องการความปลอดภัยผ่าน WiFi สาธารณะ แม้ว่าคุณจะอยู่ในสถานที่ที่ปลอดภัย ควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าจุดเข้าใช้งาน WiFi ของคุณใช้การเข้ารหัสที่รัดกุม เช่น โปรโตคอล WPA-2 หรือไม่

เก็บเหรียญแยกกัน. อย่าเก็บเหรียญคริปโตทั้งหมดของคุณไว้ในที่เดียว โดยวิธีที่ดีที่สุดในการจัดการคือการใช้ Cold Wallet อย่างน้อยหนึ่งหรือหลายๆ อันเพื่อใช้ถือเหรียญในระยะยาว และ Hot Wallet อย่างน้อยหนึ่งอันสำหรับการเทรดและการทำธุรกรรม

ระบบยืนยันตัวตนสองชั้น. รักษาความปลอดภัยบัญชีของคุณด้วย 2FA เสมอ เมื่อใดก็ตามที่เป็นไปได้ ให้ใช้ซอฟต์แวร์หรือฮาร์ดแวร์ 2FA แทนการใช้ SMS

ไวท์ลิสต์ IP และที่อยู่สำหรับถอน. หากคุณมีที่อยู่ IP แบบคงที่ ให้ใช้เพื่อความปลอดภัยของคุณเอง ตรวจสอบให้แน่ใจว่ามีแค่คุณเท่านั้นที่สามารถเข้าถึงบัญชีและเหรียญของคุณได้

ตรวจสอบที่อยู่เหรียญคริปโตอีกครั้ง. บางโปรแกรมที่เป็นอันตรายสามารถแก้ไขและวางที่อยู่ธุรกรรมที่ไม่ถูกต้องทุกครั้งที่คุณส่งธุรกรรมได้ โดยปกติแล้ว ที่อยู่ใหม่จะเป็นของพวกแฮ็กเกอร์ กันไว้ดีกว่ามาเสียใจทีหลัง

ใช้มาตรการรักษาความปลอดภัยที่คุณจัดการได้. บางคนไม่เคยรู้สึกปลอดภัยและพยายามอย่างเต็มที่เพื่อป้องกันเหรียญคริปโตของตัวเอง อย่างไรก็ตาม พวกเขากลับลืมไปว่าพวกเขาสามารถสูญเสียเหรียญคริปโตให้กับเครื่องมือความปลอดภัยของพวกเขาเองได้เหมือนกัน

การสูญเสียการเข้าถึงบัญชี เหรียญ หรือ Crypto Wallet ของคุณนั้นเป็นเรื่องปกติเช่นเดียวกับการถูกแฮ็ก อย่าทำให้การป้องกันเหรียญของคุณซับซ้อนเกินไปหากนั่นไม่ใช่สิ่งที่คุณสนใจอยู่แล้ว ให้มุ่งเน้นไปที่การสร้างความสมดุลที่เหมาะสมระหว่างความซับซ้อนและความปลอดภัยจะดีกว่า

ศิลปะในการป้องกันเหรียญคริปโตของคุณให้ปลอดภัยเป็นทักษะสำคัญที่ควรฝึกเอาไว้บนเส้นทางสู่การเป็นธนาคารด้วยตัวคุณเอง ยิ่งคุณเรียนรู้ได้เร็วเท่าไรก็ยิ่งดีมากขึ้นเท่านั้น