Dirk Lueth ผู้ร่วมก่อตั้ง Upland พูดคุยสถานะของ MetaVerse, SuperApps และเกมจาก Web3

สมชาย หวาง
| 42 min read

Dirk Lueth ผู้ร่วมก่อตั้ง Upland พูดคุยสถานะของ MetaVerse, SuperApps และเกมจาก Web3

สัมภาษณ์พิเศษไปกับ Dirk Lueth ผู้ร่วมก่อตั้งและ CEO ร่วมกับ Upland พูดเกี่ยวกับวิธีที่ Upland กลายเป็นแอป MetaVerse SuperApp ชั้นนำ เหตุผลอะไรที่อนาคตของเกม web3 จะเปิดเต็มรูปแบบ และความร่วมมือกันกับ FIFA Women’s World Cup

เกี่ยวกับ Dirk Lueth


ด็อกเตอร์ Dirk Lueth เป็นผู้ร่วมก่อตั้งและซีอีโอร่วมของ Uplandme, Inc. ซึ่งมีฐานที่ Silicon Valley เขาเป็นนักลงทุนที่ทำอย่างต่อเนื่องและเป็นผู้ริเริ่มนำบล็อกเชนและเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องมาใช้ นอกเหนือจากการเป็นผู้ร่วมก่อตั้งและซีอีโอร่วมของ Uplandme, Inc. แล้ว Dirk ยังเป็นผู้ร่วมก่อตั้งและเป็นประธานของ Open Metaverse Alliance for Web3 (OMA3) เขาเป็นผู้เขียนหนังสือขายดีอย่าง Navigating the Metaverse: A Guide to Limitless Possibilities in a Web 3.0 World (Wiley, 2022) และเป็นทูตอย่างเป็นทางการของ Metaverse ของ Global Blockchain Business Council (GBBC) อีกด้วย

ก่อนหน้านี้ Dirk เป็นผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท FinTech และบริษัทสื่อดิจิทัลในยุโรปและสหรัฐอเมริกา ซึ่งรวมถึง Financial Times Deutschland และ Forbatec ซึ่ง SunGard ได้เข้าซื้อกิจการไปแล้ว (ปัจจุบันคือ NYSE:FIS) Dirk ได้ให้คำปรึกษาแก่สตาร์ทอัพกว่า 30 แห่ง ผ่านงานของเขาที่ Startup Accelerators ระดับนานาชาติในซิลิคอนแวลลีย์ และเป็นวิทยากร/ผู้ร่วมอภิปรายอยู่บ่อยครั้ง โดยเน้นไปที่หัวข้อ metaverse บล็อกเชน และเศรษฐศาสตร์แพลตฟอร์ม เขาศึกษาการบริหารธุรกิจในแฟรงก์เฟิร์ตและปารีส อีกทั้งยังได้รับปริญญาเอก จาก European Business School ในเยอรมนี ซึ่งเขาเขียนวิทยานิพนธ์ระดับปริญญาเอกเกี่ยวกับสกุลเงินเอกชนและสกุลเงินที่ควบคุมโดยรัฐบาลอีกด้วย

ไฮไลท์ของการสัมภาษณ์

  • Upland กลายเป็น Web3 Metaverse SuperApp ชั้นนำได้อย่างไร
  • Upland กำลังขยายธุรกิจไปยังเมืองใหม่ ๆ รวมถึงลอนดอน, เบอร์มิงแฮม, เบอร์ลิน และเร็ว ๆ นี้จะเปิดให้บริการในโตเกียว
  • Upland ‘Cafes’ และความร่วมมือล่าสุดกับ Nowhere
  • ความร่วมมือกับ FIFA Women’s World Cup
  • เหตุใดอนาคตเกม Web3 จึงจะเปิดกว้างและขยายไปทั่ว

Matt Zahab

ยินดีต้อนรับทุกท่าน เข้าสู่ Cryptonews Podcast ผม Matt Zahab เพื่อนบ้านของคุณ และพวกเราก็คึกคักเหมือนเช่นเคย และผมรู้สึกตื่นเต้นมากกับแขกรับเชิญในวันนี้ เราพยายามทำติดต่อเขาเพื่อรายการนี้มานานมาก และในที่สุดเราก็ได้เขามา วันนี้เรามาพบ Dirk Lueth ผู้ร่วมก่อตั้งและ CEO ร่วมของ Upland หรือที่รู้จักกันในชื่อ Uplandme, Inc. ผมพนันได้เลยว่าเกมนี้เป็นเกม Web3 ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดที่คุณสามารถพบได้ใน App Store ผมเคยเล่นบนไอโฟนด้วยนะ ตอนนี้ก็ยังเล่นอยู่เลย มันเป็นเกมที่สมบูรณ์แบบมาก Dirk อาศัยอยู่ที่ซิลิคอนวัลเลย์ เป็นผู้ประกอบการต่อเนื่อง (serial entrepreneur) เป็นผู้ริเริ่มนำเทคโนโลยีบล็อกเชนและเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องมาใช้ นอกเหนือจากการเป็นผู้ร่วมก่อตั้งและซีอีโอร่วมของ Upland แล้ว Dirk ยังเป็นผู้ร่วมก่อตั้งและเป็นประธานของ Open Metaverse Alliance for Web3 หรือที่รู้จักในชื่อ OMA3 อีกด้วย และเขายังเป็นผู้เขียนหนังสือขายดีอย่าง Navigating the Metaverse: A Guide to Limitless Possibilities in a Web3 World พร้อมเป็นทูต Metaverse อย่างเป็นทางการของ Global Blockchain Business Council ก่อนที่จะเข้าสู่โลกบล็อกเชน Dirk เป็นผู้ร่วมก่อตั้ง FinTech และบริษัทสื่อดิจิทัลในยุโรปและสหรัฐอเมริกา รวมถึง Financial Times, Deutsche Land และ Forbatec ที่ SunGard ได้เข้าซื้อกิจการ Dirk ได้ให้คำปรึกษาแก่สตาร์ทอัพมากกว่า 30 แห่งผ่านงานของเขาในฐานะ Startup Accelerator ระดับนานาชาติ และงานอื่นๆ อีกมากมาย แต่เราไม่มีเวลาให้คุยทุกอย่าง Dirk ยินดีต้อนรับเพื่อน ยินดีต้อนรับสู่รายการนะครับ!

Dirk Lueth

เยี่ยมเลย ขอบคุณมากที่เชิญผมมา Matt ตื่นเต้นจริงๆ ที่ได้มาที่นี่

Matt Zahab

ใช่ ผมตื่นเต้นมากที่ได้เจอคุณ และ Upland คุณและทีมได้สร้างหนึ่งในเกม Web3 เพียงเกมเดียวที่เล่นได้สนุกจริงๆ และเป็นเกมที่ถูกกฎหมาย ได้รับความนิยมบน App Store คุณได้ทำมันไดซึ่งบนบล็อกเชนมีบริษัทไม่มากนะ ที่เลือกจะสร้างจากเรื่องราวที่มีเอกลักษณ์แบบนี้ ก่อนที่เราจะพูดถึงเรื่องนั้น เล่าเรื่องราวเกี่ยวกับอดีตของคุณให้ผมฟังสักหน่อยสิ เห็นได้ชัดว่าคุณเป็นผู้ประกอบการต่อเนื่อง คุณได้สร้างบริษัทที่แข็งแกร่งขึ้นมามากมาย และจากนั้นคุณก็ก้าวเข้าสู่ Web3 เล่าให้ผมฟังหน่อยเกี่ยวกับอดีตของคุณและทำไมคุณถึงได้ก้าวหน้าขนาดนั้น

Dirk Lueth

โอเคครับ จริงๆ แล้ว บบางทีมันเริ่มจากทั้งสองบริษัท อย่างที่คุณพูดนั่นแหละ Financial Times of Germany และต่อมาเป็นบริษัทในพื้นที่ FinTech ผมถึงได้เกี่ยวข้องกับสื่อและการเงินอยู่เสมอ ในทางกลับกัน ผมจบการศึกษาระดับปริญญาเอกเกี่ยวกับสกุลเงินที่ควบคุมโดยภาครัฐและเอกชน และนั่นเป็นเรื่องที่น่าตลก เพราะตอนที่ผมเขียนเรื่องนั้น และเมื่อหลายปีก่อน ผมคิดว่า โอเค นี่เป็นแค่แบบฝึกหัดเชิงวิชาการเท่านั้น ผมคิดว่าคงไม่ต้องใช้มันอีกแล้ว แต่ในปี 2010 น่าจะปลายปี 2010 นะ ผมกำลังคิดว่า โอเค สิ่งที่อินเทอร์เน็ตมอบให้เรา คือการถ่ายทอดข้อมูลแบบฟรีๆ ใช่ไหม? เพราะตอนที่ผมร่วมก่อตั้งสำนักพิมพ์ที่เก่ามาก ต้องพิมพ์ ต้องส่ง และต้นทุนก็หมดไปกับทุกอย่างนี้ มันก็ต้องเป็นแบบนั้นใช่มั้ยล่ะ?สิ่งที่คุณทำได้คือตอนนี้ทุกคนสามารถเป็นบล็อกเกอร์ เขียนอะไรสักอย่าง แล้วก็เผยแพร่ได้โดยไม่มีค่าใช้จ่ายอะไรเลย ผมหมายถึงการเพิ่มต้นทุนบางอย่าง แต่จริงๆ แล้วคุณไม่สามารถละเลยสิ่งนั้นได้ง่ายๆ เลย ย้อนกลับไปในปี 2010 ผมกำลังคิดว่า โอเค เพราะทั้งเกมคอมพิวเตอร์เกิดขึ้น และเกมมือถือในเวลานั้น และผมรู้สึกทึ่งมากๆ ที่ได้เห็นอะไรแบบนี้ โอเค เกมพวกนั้นมีสกุลเงินจริงๆ แต่ถูกกำหนดไว้แค่ในเกม ผมเลยบอกว่า โอเค แต่นี่ไม่ใช่ทุกอย่าง หากคุณสามารถถ่ายโอนมูลค่าทางอินเทอร์เน็ตได้ ซึ่งน่าสนใจมาก แต่ปัญหาที่ผมคิดมาตลอดคือ มีแต่คนกลางที่อยู่ตรงนั้นได้ และนั่นคือตอนที่วิจัยปริญญาเอกของผมกลับมา ผมวิเคราะห์ได้อย่างแน่ชัดแล้วว่า ต้นทุนของการกระจายอำนาจ ต้นทุนของการรวมศูนย์ ตอนนั้นผมก็ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับบล็อกเชนหรอก แต่ผมรู้ว่า เมื่อมันกระจุกกันเกินไป มันก็ดูแพงมากนะสำหรับในสังคม ยังไงก็เหอะ ผมคิดว่า คุณรู้ไหมว่าถ้าตอนนี้ตัวเกมกำลังทำแบบนี้ แต่พวกเขายังคงกระจุกอยู่แค่นี้ มีวิธีอื่นอีกมั้ยนะ? ผมก็เลยได้ค้นคว้าและเล่นอะไรหลายอย่าง จากนั้นเพื่อนของผมบอกผมว่า เฮ้ย Dirk ลองดูนี่ดิ เคยได้ยินพวกที่เกี่ยวกับ white paper บ้างไหม ตอนนี้กลายเป็นกระแสในคอมมูฯ นักพัฒนาซอฟต์แวร์ในปี 2010 ไปแล้ว และควรลองดูนะว่าจริง ๆ แล้วนี่เป็นหนึ่งในหลาย ๆ สิ่งที่ผมดูในตอนนั้น แล้วผมเน้นไปที่เกมที่เปิดตัวในช่วงเวลานั้นมากขึ้น ทั้งวิธีการสร้างรายได้ และทุกอย่างบอกว่า โอเค ผมจะดูเอกสาร white paper ตัวนี้ คือของ Satoshi Nakamoto พอผมอ่านไปสักสองสามรอบ แน่นอน ผมคิดว่าคนส่วนใหญ่ที่ไม่ได้อยู่ในวงการนี้จะเข้าใจได้ในครั้งแรกหรอก แต่โดยปกติแล้วผมก็เข้าใจนะ ในสิ่งที่เขาพยายามจะทำ บอกเลยว่านี่มันเจ๋งมาก และนั่นก็คือจุดที่จริง ๆ แล้ว ในปี 2011 ผมซื้อ Bitcoin แรกของผมมา ซึ่งปกติแล้วผมได้รับหนังสือพิมพ์มันจากคนที่ผมพบที่ไหนสักแห่งในซานฟรานซิสโกและผมก็ลองแล้วได้ผลจริงใช่ไหม? ผมไม่รู้ว่าหนังสือพิมพ์สมัยนี้อยู่ที่ไหนแล้ว แต่ผมไม่มีแล้วนะ เพราะตอนนี้ผมคิดว่า โอเค มีบางอย่างที่น่าสนใจมากในหนังสือพิมพ์ แต่บางทีนั่นอาจยังไม่ใช่ทั้งหมด อาจจะมีวิธีแก้ไขปัญหาอื่น ๆ ตอนนั้นผมไม่รู้นะ ว่าแบบ นี่คือสิ่งที่เป็นเทคโนโลยีแล้วไง มีไอเดียดีๆ มากมายทั้งที่ทำได้และทำไม่ได้ และนั่นทำให้ผมเริ่มสนใจมันตั้งแต่นั้นมา จากนั้นในปี 2011 และ 2012 ผมก็เริ่มพัฒนาโซลูชันของตัวเองเกี่ยวกับเรื่องนั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับบล็อคเชน เพราะผมบอกว่า ตอนนี้เรามี Bitcoin แล้ว แต่ผมบอกว่า มันเป็นแค่สกุลเงินน่ะ คุณต้องสามารถโอนสิ่งอื่น ๆ ได้ด้วย และในเวลานั้น ผมได้ค้นคว้าเพิ่มเติมเกี่ยวกับมันและตลกมากเลย เพราะผมไปที่ Silicon Valley ผมไปมีตติ้ง กับคนห้าหรือหกคนนี่แหละ ซึ่งพวกเขาเป็นคนคลั่งไคล้คอมพิวเตอร์ ชื่นชอบเทคโนโลยีที่อยู่แล้ว แต่ไม่ได้คิดถึงเรื่องธุรกิจเลย ผมดูเป็นนักธุรกิจมากกว่า แล้วจากนั้นผมก็ลงลึกไปในเรื่อยๆ เลย

Matt Zahab

น่าสนใจมากครับ เพราะแบบนี้คุณถึงได้ศึกษาเศรษฐศาสตร์ในเกมและสกุลเงินในเกมจริง ๆ แล้วและวิธีการทั้งหมดนี้เป็นส่วนหนึ่งของแรงบันดาลใจในการเล่นเกม คุณได้ดูเกมอะไรเพื่อสร้างทฤษฎีในวิทยานิพนธ์ของคุณเพื่อจบปริญญาเอกมั้ย

Dirk Lueth

ผมดูเกมมือถือสักสองสามเกมที่ออกวางจำหน่ายในตอนนั้น สมัยนั้นมันคือเกมอะไรนะ? ผมคิดว่าผมดู Second Life บ่อยมากเลย ผมเห็นคนเล่นเต็มไปหมด ผมดู IMVU ตอนนั้นผมดู Eve Online นิดหน่อยมันเป็นเกมบนมือถือที่ผมยังเล่นอยู่ด้วย ตอนนั้นเป็น Angry Bird หรือเปล่านะ? เพราะมันมีแบคกราวด์ที่ดูแตกต่างกัน ผมคิดว่าผมกำลังมองหาว่ามันสร้างรายได้จากไหน ในแง่หนึ่ง ผมไม่เพียงแต่มองหาว่าสกุลเงินทำงานอย่างไร แต่ยังรวมถึงวิธีทำให้ผู้คนจ่ายเงินหรืออะไรบางอย่างใช่ไหม นั่นคือสิ่งที่ผมกำลังดูอยู่ หลายสิ่งหลายอย่างในช่วงเวลานั้นล่ะ

Matt Zahab

ผมโชคดีที่พบการทำงานร่วมกับทีมที่ไม่ได้ทิ้งการเรียนรู้จากพวกเขา แต่ผมได้เรียนรู้มากมายเกี่ยวกับเศรษฐศาสตร์ในเกมและวิธีดึงและผลักดันจิตวิทยามนุษย์เพื่อให้ผู้ใช้ซื้อธุรกรรมที่คล้ายกับ Upland ในทางเทคนิคแล้วมันเป็นเกมที่เล่นได้ฟรีใช่ไหมล่ะ? อย่างเช่น คุณไม่จำเป็นต้องจ่ายเงินเพื่อเล่นเกมนี้ แต่ถ้าคุณซื้อ UPX ผมเชื่อว่ามันจะทำให้มีความสนุกมากขึ้นไปอีกระดับนึงเลยและยังมีกิจกรรมให้ทำอีกมากมาย แค่เห็นแรงดึงดูดทางจิตวิทยาเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้ที่ผู้พัฒนาเกมและผู้สร้างมีต่อผู้ใช้ และไม่มีเรื่องไม่ดีเข้ามาเกี่ยวข้อง มันแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น ผมพบว่ามันน่าสนใจมากเรามาพูดถึง Upland กัน เรามาพูดถึงสิ่งที่สำคัญที่สุดในรายการกันเถอะ พวกคุณได้ประกาศไว้อลังมากเลย ก่อนที่เราจะพูดถึงเรื่องนั้น สำหรับผู้ฟังไม่กี่คนที่บางทีอาจไม่รู้จัก Upland ผมชอบ Dirk มากนะ คุณช่วยบอกเราสั้นๆ ได้ไหม ว่า Upland คืออะไร คุณและทีมพัฒนาทำให้กลายเป็นหนึ่งในเกมที่ใหญ่ที่สุดใน Web3 ได้อย่างไรครับ

Dirk Lueth

ผมหมกมุ่นอยู่แต่กับพวกนี้ แอบมีท้อบ้าง แต่ก็แค่นิดเดียวนะ เราลองทำหลายอย่าเลย ตั้งแต่ปี 2012 ถึง 2017 หรือ 2016 นี่แหละ ผมก็เห็นว่ามันซับซ้อนมาก ทั้งคีย์ส่วนตัว กระเป๋าสตางค์(wallet) และอื่นเยอะแยะๆ เราบอกว่า เราต้องสร้างบางสิ่งที่ผู้ใช้เข้าใจได้ง่ายมาก และอะไรล่ะที่จะเข้าใจได้ง่ายขึ้น หากคุณใช้สิ่งที่ผู้คนเคยทำในชีวิตมาก่อน และผมไม่เคยเจอใครที่ไม่เคยเล่น Monopoly ในตอนเด็กเลย ปกติแล้ว เราได้รับแรงบันดาลใจจริงๆ แล้วทำไมเราไม่เอาแนวคิดเรื่อง Monopoly มาใช้ล่ะ? แน่นอนว่าเกมนี้เกี่ยวข้องกับอสังหาริมทรัพย์ การซื้อถนน และอื่นๆ เราใช้ blockchain และเราใช้โลกแห่งความเป็นจริง จากนั้นเราก็เปิดตัวในปี 2020 ตอนเริ่มต้นเราเรียกมันว่าเกมซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ใช่ไหม? เพราะนั่นคือสิ่งที่เป็นไปได้ในตอนแรก ดังนั้นเราจึงอยู่บนพื้นฐานของโลกแห่งความเป็นจริง ขณะนี้เราอาศัยอยู่ใน 23 เมือง เรามีเมืองสามแห่งในอเมริกาใต้ และสี่เมืองในยุโรป และเร็วๆ นี้ที่เอเชีย เราสามารถพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องนั้นได้ แต่แนวคิดพื้นฐานคือคุณซื้อที่ดิน ซึ่งอิงจากผืนดินในโลกแห่งความเป็นจริง จากนั้นคุณจะเริ่มได้รับผลตอบแทนเพียงเล็กน้อยจากที่ดิน เพียงเพราะว่าคุณเป็นเจ้าของ แต่คุณสามารถเพิ่มได้มากเหมือนกับการผูกขาด ดังนั้นทรัพย์สินสามแห่งบนถนนสายเดียวกันหรือรวบรวมพิพิธภัณฑ์สามแห่งก็ขึ้นอยู่กับว่าคุณเลือกคอลเลกชันประเภทใด คุณเลือกได้เลย แต่สิ่งนี้ทำให้เกิดปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้เล่นเนื่องจากตอนนี้พวกเขาต้องทำการซื้อขายมันมากขึ้น เมื่อคุณคิดถึงการสร้างการ์ดการซื้อขาย “เธอมีนี่ฉันมีนั่น มาแลกกัน” และสิ่งต่างๆ ก็มาอยู่รวมกัน คุณจะขายก็ทำได้เลย นั่นคือต้นกำเนิดของ Upland แต่แน่นอนว่าวันนี้เราได้พัฒนาคุณสมบัติอื่นๆ อีกมากมายที่คุณสามารถสร้างบนอสังหาริมทรัพย์ของคุณได้ คุณสามารถจัดการดูแลและบริหารร้านค้า คุณสามารถขายสินค้าดิจิทัลให้กับผู้อื่นได้ เรามีรถยนต์และการแข่งรถ เรามีการตามล่าหาสมบัติ ในเดือนตุลาคม พฤศจิกายน เราเริ่มเรียก Upland ว่าเป็นสุดยอดแอป เพราะเอะไรเราถึงเรียกแบบนี้น่ะหรอ เพราะแนวคิดนี้มาจาก WeChat หรือจากแอปพลิเคชันอื่นๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภูมิภาคเอเชียที่คุณมีแอปเดียวที่ทำหลายๆ อย่างได้ และแนวคิดของเราก็เหมือนกัน แต่ในฐานะผู้ดำเนินการแพลตฟอร์ม คุณมอบสิ่งที่เรียกว่า API ให้กับผู้ใช้หรือนักพัฒนา เพื่อให้พวกเขาสามารถพัฒนาแอปของตนเองนอกเหนือจากนั้นได้ เหมือนกับที่ WeChat ทำ ดังนั้นเราจึงอนุญาตให้ผู้ใช้ของเราพัฒนาแอปของตนเองบนอัปแลนด์และเชื่อมต่อกับพวกเขาได้ และเรามีหลายคนที่เข้ามาบนเครื่อง ตอนนี้เราแค่เร่งโปรแกรมและเรายังเพิ่มคุณสมบัติทางสังคมมากขึ้น เป็นสังคมมากขึ้นเพราะเราเรียกสิ่งนั้นในตอนนี้ว่า metaverse สุดยอดแอปตอนนี้มีแนวคิดคือคุณสามารถเข้าไปในร้านกาแฟและสังสรรค์กับผู้อื่นได้ ดื่มด่ำไปกับ Metaverse ทั่วไป แต่เรายังบอกด้วยว่า ไม่ใช่ทุกคนที่ต้องการทำแบบนั้นเสมอไป ดังนั้นเราจึงมีการเล่นแบบ 2 มิติด้วย นั่นหมายความว่าเรามีเครื่องมือแชทใน Upland ในตอนนี้ ซึ่งคุณสามารถทำเหมือนกับ Discord ได้ คุณสามารถเชื่อมต่อกับผู้เล่นคนอื่นได้ และอื่นๆ จากเกมซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ได้ นี่แหละ Super App

Matt Zahab

Super App หรอ Dirk ผมชอบคำนี้นะ ผมรู้สึกว่านี่คือสิ่งที่ Elon Musk พยายามทำกับ X เด้วยล่ะ ผมรู้สึกว่ามีความคล้ายคลึงกันมากระหว่างเรื่องนี้ เขาคัดลอกพวกคุณมาแบบนี้ WeChat เริ่มต้นจาก พวกคุณคัดลอก WeChat และ Elon Musk กำลังคัดลอก Upland จะได้ยินจากที่นี่แหละ แต่ผมอยากจะเจาะลึกเกี่ยวกับ Super Apps สักหน่อย เพราะส่วนใหญ่ของผู้ฟังเราที่อยู่ในอเมริกาเหนือและในยุโรป พวกเราไม่ค่อยรู้อะไรนักหรอกเกี่ยวกับ Super App น่ะ มันคืออะไรนะ คุณมีแอปพลิเคชันเหล่านี้ในจีนและตะวันออก เช่น WeChat ซึ่งเหมือนกับที่คุณบอกคือมีองค์ประกอบทางสังคม ธนาคาร และรวมถึงการค้าออนไลน์อยู่ในนั้น ถูกต้องไหม? คุณรู้เรื่องนี้มากกว่าผมแน่นอน คุณช่วยอธิบายสั้นๆ หน่อยได้ไหมว่า Super App คืออะไร และทำไมคุณถึงคิดว่านี่คืออนาคตของ Upland

Dirk Lueth

ได้เลย. ประวัติของ Super apps มักจะเริ่มต้นจากบางสิ่งบางอย่าง อย่างที่ผมบอกไปแล้วว่า WeChat เป็นเครื่องมือแชท แต่คุณก็มี เช่นเดียวกับในอินโดนีเซีย ซึ่งโดยพื้นฐานแล้วเป็นเครื่องมือทักทายที่ถูกต้อง จากนั้นพวกเขาก็เริ่มพัฒนาแอปอื่นๆ อีก เช่น บริการจัดส่ง และอีกมากมาย ขึ้นอยู่กับว่า ในฐานะผู้ใช้ คุณจะต้องมีแอปนี้เพียงแอปเดียวเท่านั้น แน่นอน คุณสามารถติดตั้งแอปเพิ่มเติมบนโทรศัพท์ของคุณได้ แต่ข้อดีในตอนนี้คือคุณไม่จำเป็นต้องลงชื่อเข้าใช้ทุกแอป มีข้อดีอีกอย่างหนึ่งคือ เงินของคุณ กระเป๋าตังค์คุณอยู่ในนั้น มันทำให้ชีวิตง่ายขึ้นมากในฐานะผู้ใช้ แน่นอนว่าข้อเสียคือตอนนี้คุณโฟกัสมากไปที่โลก Web2 ในบริษัทเพียงบริษัทเดียวที่ควบคุมทุกอย่าง และนี่เป็นสิ่งที่ตรงกันข้ามใน Upland เราทำในลักษณะที่คล้ายกันมาก แต่อย่างไรก็ตาม เรามีแนวทางแบบกระจายมากกว่า และเราไม่ได้เป็นเจ้าของข้อมูล เราไม่ได้เป็นเจ้าของผู้ใช้ และอื่นๆ แต่นี่คือสิ่งที่แตกต่างนิดหน่อย แม้ว่าในโลกของการตลาดจะยังคงเรียก Super apps แต่ท้ายที่สุดแล้ว เมื่อคุณมองดูเบื้องหลัง มันจะแตกต่างนิดหน่อย แต่ทำได้หลายอย่างในแอปเดียวใช่ไหมล่ะ? นั่นคือแนวคิดพื้นฐานไง

Matt Zahab

และนั่นมันก็บ้ามาก เพราะผมคิดว่า กฎหมายและโครงสร้างการปกครองในอเมริกาเหนือนี้ คุณก็รู้ เป็นเรื่องยากมากกับการต่อต้านการผูกขาดและกฎหมายการแข่งขันทั้งหมดและทุกอย่าง ผมรู้สึกว่ามันยากมาก บริษัทอย่าง Facebook หรือ Meta ในปัจจุบันอาจจะพยายามทำเช่นนั้นได้ ผมเชื่อว่าพวกเขาลองหลายครั้งแล้วล่ะ แต่มักจะปิดตัวลง และอีกครั้งที่เห็นได้ชัดสำหรับ Upland นี่ไม่ใช่ WeChat ที่คุณจะเก็บข้อมูลของทุกคน มีการค้นพบและการเฝ้าระวังมากมายอย่างมากในทุกกิจกรรม มันเป็นเกมที่แตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง แต่ Super apps นั้นน่าสนใจมาก และหวังว่าจะพูดเรื่องนี้อีกสักหน่อยในรายการหน้า ก่อนที่เราจะกลับมาที่ Upland ผมต้องการพูดถึงเรื่องนี้นิดหน่อยเกี่ยวกับ metaverse คุณมีหนังสือขายดีชื่อ Navigating the Metaverse a Guide to Limitless Possibilities in the Web 3.0 world และคุณยังมีพอดแคสต์ซึ่งเน้น metaverse ด้วย สถานะปัจจุบันของ Metaverse เป็นยังไงบ้าง? มันดูยุ่งยากมากๆ ยิ่งเมื่อสามปีที่แล้ว เรื่องก็คือพวกเรากับ Web3 จะมี metaverse ขึ้นมาและเป็นกระแสอยู่ แต่เห็นได้ชัดว่ามันไม่ใช่แบบนั้น ไม่มีใครที่ยิ่งใหย๋ได้จริงๆ หรอก แซนด์บ็อกซ์ทั้งหมดอยู่ใน Decentraland พวกนั้นเคยอยู่แนวหน้ามาก่อน ตอนนี้ไม่มีใครเล่นแล้ว พวกคุณมีปริมาณรายวันมากกว่าคนเหล่านั้นรวมกันอีก ถ้าไม่ได้เพิ่มเข้ามา 100 เท่า สถานะปัจจุบันของ metaverse เป็นยังไง Dirk ตอนนี้เราอยู่จุดไหนแล้ว

Dirk Lueth

โอเค ผมอาจจะต้องเล่าย้อนนิดหน่อย เมื่อเราเริ่มต้น Upland ในปี 2018 เราใช้ URL upland.me สำหรับ metaverse โดยเฉพาะ

Matt Zahab

ยังไงต่อ ผมคิดมาตลอดว่ามันเป็นแค่ .me สุดยอดเลย ดีจริงที่ได้รู้แล้ว

Dirk Lueth

แต่ตอนนั้นผมบอกเสมอว่าจะใช้คำนั้นเพราะไม่มีใครรู้ว่า metaverse คืออะไร แน่นอนว่าผมได้อ่านเรื่องนี้มาแล้ว และมีนวนิยายชื่อดังเล่มหนึ่งจาก Neil Stevenson ชื่อ Snow Crash ที่พูดถึงเรื่อง metaverse และอื่นๆ แต่รู้ไหม ในตอนแรกผมมักจะพูดอยู่เสมอ เราเป็นโลกคู่ขนานหรืออะไรสักอย่าง มันเป็นโลกเสมือนจริง นั่นคือสิ่งที่ผู้คนเข้าใจ จากนั้นสิ่งต่างๆ ก็เปลี่ยนไปอย่างมากเมื่อ Mark Zuckerberg เปลี่ยนชื่อหรือเปลี่ยนชื่อบริษัทของเขาเป็น Meta ใช่มั้ยล่ะ?มันก็เป็นเวลาที่เราเห็นการเติบโตแบบก้าวกระโดดและกะทันหันด้วย เราเติบโตขึ้นอย่างมากเมื่อเวลาผ่านไป แต่แล้วการประกาศนี้ก็ออกมา และกลายเป็นช่วงที่กระแสฮือฮาสุดๆ เริ่มตั้งแต่วันที่ 21 ตุลาคม จนถึงวันที่ 22 กุมภาพันธ์ มันช่างเหลือเชื่อจริงๆ อย่างที่ผมบอกไปแล้ว ผมได้ช่วยให้บริษัทต่างๆ มากมายเติบโต ผมเคยมีบริษัทของตัวเอง แต่การเติบโตที่เราได้เห็นในช่วงเวลานั้นมันช่างบ้าบอจริงๆ ยังไงก็ตาม วันนี้เราจะยืนอยู่จุดไหนล่ะ? ปัญหาคือตอนนี้ การเล่าเรื่องที่เราทุกคนรู้ว่า AI ที่ใครๆ ก็พูดถึง แม้ว่าตอนนี้คุณจะถูกวิพากษ์วิจารณ์มากมายว่ามันมีราคาแพงมาก แต่ไม่เลย AI ก็ยังเป็นที่ฮือฮาแบบเดียวกับ Blockchain อย่างเคยเป็นมาก่อน เทคโนโลยีมีขึ้นมีลงอยู่เสมอ ผมคิดว่า Metaverse ยังคงเป็นสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน ผมหมายถึง ผมเพิ่งกลับมาจากทริปญี่ปุ่น และรู้สึกประหลาดใจมากที่ผู้คนกระตือรือร้นกันมาก เพราะการเล่าเรื่องมีความแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง คุณรู้ไหมว่าการประชุมที่ผมเข้าร่วม WEPEX เริ่มต้นโดยนายกรัฐมนตรีของญี่ปุ่นด้วยซ้ำ ถ้าโจ ไบเดนทำเขาจะเป็นผู้กล่าวสุนทรพจน์ครั้งแรกใช่ไหม?

Matt Zahab

นั่นเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นเป็นบ้าเลย

Dirk Lueth

ใช่แล้ว นี่มันบ้าจริงๆ นั่นคือสิ่งที่จะนำเสนอด้วย และผมคิดว่าปัญหาคือการที่ผู้คนเห็นบางสิ่งบางอย่าง แล้ว นี่คือการตีความส่วนตัวของผมนะ ที่พวกเขาเห็นวิดีโอของ Mark Zuckerberg ใช่ไหม ผมบอกว่า โอ้ ผมสามารถทำสิ่งนับพันล้านได้แล้วใช่ไหม? แต่นั่นไม่เคยถูกกำหนดไว้จริงๆ นะ แล้วผมคิดว่ามันเป็นแบบนี้แหละ เวลาที่ความคาดหวังของคุณสูงขนาดนั้น แต่สิ่งที่คุณทำได้จริง ๆ ก็จะไม่ได้ขนาดนั้นไง? มันก็เกิดความผิดหวังครั้งใหญ่ และผมคิดว่าในตอนนี้คงจะเห็นกันชัดแล้วล่ะว่า metaverse ถูกพูดถึงอยู่บ้าง มีบทความที่เขียนอีกนิดหน่อย แต่มีการวิพากษ์วิจารณ์อย่างมาก มันก็คงถูกแล้วล่ะ แต่ในทางกลับกัน metaverse นั้นเป็นสิ่งที่คุณสร้างเป็น 3 มิติในเกม เมื่อคุณมีเกม 3D ดีๆ คุณได้สร้างเกม AAA ขึ้นมา คุณจะไม่สร้างสิ่งนั้นภายในหนึ่งหรือสองปี เวลาที่คุณคิดถึง GTA ผมไม่แน่ในเวลาที่แน่นอน แต่ผมคิดว่าต้องใช้เวลาสักแปดหรือสิบปีเพื่อปล่อยตัวอัปเดตใหม่ๆ ซึ่งแค่อัพเดทนะ แล้ว Upland ก็เปิดตัวในปี 2020 ตอนนี้เราอยู่ในปี 2023 ผมคิดว่าเราประสบความสำเร็จไปมากแล้ว อย่างน้อยผมก็สามารถพูดแบบนั้นกับเพื่อนร่วมงานของผมในโลกบล็อคเชนเได้ มันต้องใช้เวลา ผู้คนก็หวังไว้สูง มันคือเป็นศิลปะของผู้ประกอบการทุกคน คุณจะเชื่อมโยงเวลานั้นได้อย่างไร? แล้วคนยิ่งสนุกก็ยังชอบใช่ไหมล่ะ? และนั่นก็เป็นสาเหตุให้ตั้งแต่วันแรกที่ผมบอกว่า ผมไม่ต้องการที่จะสร้างพื้นที่ที่ยอดเยี่ยมที่ผู้คนสามารถไปได้แต่ทำอะไรไม่ได้เลย มันใช้งานไม่ได้ ดังนั้นคุณต้องค่อยๆ ดึงผู้คนเข้ามามีส่วนร่วม คุณให้คะแนนการมีส่วนร่วมในเกมแก่พวกเขาโดยที่พวกเขาสามารถทำอะไรบางอย่างได้ ทั้งคลิกไปรอบๆ หรือคุณรู้ หรือทำอะไรบางอย่างบนหน้าจอและแลกเปลี่ยนและอื่นๆ และที่สำคัญ คุณจะแนะนำพื้นที่ที่ยอดเยี่ยมเหล่านี้ แต่ที่ที่พวกเขาสามารถทำอะไรร่วมกันได้มากขึ้น หรือที่ที่พวกเขาสามารถโต้ตอบกับแอพได้มากขึ้น หรืออะไรก็ตาม แต่นั่นคือสิ่งที่คุณต้องทำเมื่อเวลาผ่านไปใช่ไหม? ผมพูดเสมอว่านี่คือการเดินทางระยะยาว เราได้ใช้เวลาเดินทางร่วมกับ Upland เป็นเวลาสิบปีเป็นอย่างน้อยเพื่อสร้างมันขึ้นมา ซึ่งเราทุกคนต่างคิดในแง่หนึ่งถึงสิ่งที่ Mark Zuckerberg แสดงให้เห็นในวิดีโอนี้ ที่เป็นเรื่องเกี่ยวกับ Metaverse ดังนั้นผมคิดว่ามันจะมาแน่นอน และผมต้องพูดถึงข้อสังเกตที่น่าสนใจอย่างหนึ่งที่ผมทำเช่นกัน ผมมักจะเข้าใจมากขึ้นด้วยว่าได้ ไปเที่ยวก็ดีนะ เมื่อผมอยู่ในเอเชีย เมื่อผมอยู่ในตะวันออกกลาง ผู้คนต่างใช้ชีวิตแตกต่างจากในสหรัฐอเมริกา คุณอาศัยอยู่ในฟาร์มขนาดใหญ่ และอาจจะเป็นอัตราต่อแคนาดา รอบๆ 50 ไมล์ไม่มีใครอาศัยอยู่ที่นั่นใช่ไหม? และคุณอยู่คนเดียว เวลาไปเที่ยวเมืองอย่างโตเกียว ฮ่องกง หรือที่ไหนๆ ผมหมายถึง มีตึกระฟ้าแห่งหนึ่ง มีตึกสูงอยู่ติดกัน และผมคิดว่า Metaverse ยังช่วยให้ผู้คนจำนวนมากได้คิด ฝัน และทำสิ่งอื่น ๆ ให้ง่ายขึ้นมาก ทำไมผู้คนถึงเปิดใจมากขึ้น ผมหมายความว่านั่นคือทฤษฎีของผม ผมอาจจะผิดนิดนึง ที่เอาแต่ตั้งรับและอยู่เงียบๆ การทำสิ่งที่ถูกต้องใน Metaverse นั่นคือแง่มุมหนึ่งของมัน อีกแง่มุมหนึ่งคือ ทันทีที่คุณสามารถทำสิ่งอื่นได้ พูดกันได้มากขึ้นในโลกตะวันตก ซึ่งคุณไม่สามารถทำได้จริงๆ ในโลกแห่งความเป็นจริงใช่ไหม ตัวอย่างเช่น คุณสามารถมารวมตัวกับคนที่มีความคิดเหมือนกัน และไม่ใช่แค่ในแชท 2 มิติ แต่ตอนนี้คุณสามารถพบปะได้ คุณสามารถสวมใส่อะไรบางอย่างและสามารถเป็นคนอื่นได้ถ้าคุณต้องการ ผมคิดว่าสิ่งนี้จะทำให้ผู้คนคุ้นเคยมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะถ้าคุณคิดถึงคนรุ่นใหม่ พวกเขาเติบโตมาพร้อมกับ Roblox พวกเขาเติบโตมาพร้อมกับ Minecraft และ Fortnite และอื่นๆ เมื่ออายุมากขึ้น พวกเขาอาจต้องการใช้เครื่องมืออื่นบ้าง ในชีวิตมันก็เป็นแบบนั้นเสมอแหละ และนั่นคือสิ่งที่ Upland เข้ามาจริงๆ โดยพื้นฐานแล้ว Upland มีกลุ่มผู้ใช้หลักในช่วงอายุ 21 ถึง 49 ปี แน่นอนว่าเราอายุน้อยกว่านิดหน่อย แก่กว่านิดหน่อยบ้าง แต่โดยปกติแล้วเราไม่อนุญาตให้ผู้ใช้ที่อายุต่ำกว่า 18 ปีเล่นนะ อัปแลนด์เริ่มต้นที่ 18 ปี นั่นคือสิ่งที่ผมคิดว่าจะไปได้ จากนั้นผู้คนก็จะสามารถมีส่วนร่วมได้มากขึ้น เรามีเนื้อหาที่ผู้ใช้สร้างขึ้นเพิ่มมากขึ้น และจากนั้นก็กลายของผู้ใช้เองมากขึ้นเรื่อยๆ แล้วการเล่าเรื่องก็จะเปลี่ยนไปเช่นกัน เมื่อผู้คนเริ่มเพลิดเพลินกับมันมากขึ้น แทนที่จะอยู่แค่ในห้องที่ว่างเปล่า

Matt Zahab

จริงแท้แน่นอน Dirk เราควรหยุดพักสักหน่อยนะ แสดงความยินดีอย่างสูงให้กับผู้สนับสนุนรายการ PrimeXBT ของเรา และตอนนี้กลับมากับเดิร์ก Dirk คุณเป็น CEO ของหนึ่งในเกม Web3 ที่ดีที่สุด เห็นได้ชัดว่าคุณได้รับเชิญให้เข้าร่วมโรดโชว์และการประชุม Web3 ทั้งหมด ผมชอบประเด็นหนึ่งที่คุณมักจะพูดอยู่เสมอ คืออนาคตของ metaverse จะต้องเปิดออกอย่างไร ผมเชื่อว่าคุณถูกถามหลายครั้งแล้ว ว่ามันจะเปิดอยู่หรือไม่ ไม่สำคัญว่าจะเกิดขึ้นหรือไม่ และจะเกิดขึ้นอย่างไร มันเป็นเรื่องของเมื่อไหร่ ผมชอบนะ ถ้าคุณสามารถพูดถึงสาเหตุที่ทำให้อนาคตของ metaverse ต้องเป็นและจะเป็น metaverse ที่เปิดกว้างและทำงานร่วมกันได้

Dirk Lueth

ใช่ ผมคิดว่าเสมอว่า เมื่อเรามีแนวคิดคำนวณที่แตกต่างกัน คุณจะต้องเปลี่ยนแปลงบางสิ่งบางอย่างเสมอใช่ไหม เรามี Web1.0 ซึ่งโดยพื้นฐานแล้วมันถูกต้องเท่านั้น จากนั้น Web2.0 ก็อ่านและเขียนได้ ปกติแล้วเป็นเว็บโซเชียล ตอนนี้เรามี Web3.0 ซึ่งมีของตัวเองแล้วทั้ง อ่าน เขียน เป็นเจ้าของ และจากนั้นคุณก็จะมี Metaverse ที่คุณจริงจังหรือทำอะไรบางอย่างในโลกเสมือนจริง แต่ปัญหาคือเมื่อคุณมาจากโลกของ Web2 และเรามี metaverse แบบปิด และบางครั้งผมก็ลำบากมากที่จะเรียกมันว่า metaverse เกมที่มีไว้เพื่อตัวเองโดยเฉพาะ เช่น Fortnite หรือ Minecraft ปัญหาคือผมถูกขังอยู่ในนั้นใช่ไหม? และถ้าโอเปอเรเตอร์ตัดสินใจปิดเกมหรือโอเปอเรเตอร์ตัดสินใจว่าพวกเขาไม่ชอบหน้าคุณหรืออะไรก็ตาม พวกเขาสามารถพูดได้เสมอ คุณรู้อะไรไหม? คุณจะถูกแบน คุณไม่สามารถเล่นได้อีกต่อไป คุณสูญเสียทรัพย์สินทั้งหมดและทุกอย่างก็หายไป คุณไม่มีโอกาสที่จะขายทรัพย์สินที่คุณได้รับจริง สิ่งที่คุณทำได้คือดึงคุณค่าความบันเทิงของเกมดังกล่าวออกมา แต่ไม่จำเป็นต้องเป็นมูลค่าเงินที่คุณใส่ไว้ แต่เมื่อคุณเปรียบเทียบกับชีวิตจริง สมมติว่าคุณอาศัยอยู่ในแคนาดา ผมอาศัยอยู่ในสหรัฐอเมริกา ผมก็เลยขึ้นรถขับไปชายแดนและตอนนี้ผมกำลังข้ามชายแดน ตอนนี้ผมต้องซื้อรถใหม่เพื่อไปทำอะไรที่แคนาดาและพาคุณไปเที่ยวพักผ่อน นั่นมันงี่เง่ามากเพราะก็รู้ว่าเราต้องใช้เงินหนิ บางทีคนขายรถในแคนาดาอาจจะมีความสุขในขณะนั้นก็ได้ใช่ไหมล่ะ? แต่เศรษฐกิจที่เหลือในแคนาดา พวกเขาจะไม่มีความสุขเพราะผมจะใช้เงินน้อยลงล่ะ ผมคิดว่านี่เป็นตรรกะเดียวกัน เมื่อเปิดมา ผมสามารถขับรถจากโลกหนึ่งไปอีกโลกหนึ่งได้ มันเป็นรถของผม จากนั้นผมก็จะเล่นมันมากขึ้นเช่นกัน ผมจะเข้าร่วมสิ่งต่าง ๆ และก็มีผู้คนเข้าร่วมมากขึ้น ผมคิดว่านั่นเป็นแนวคิดในการเป็นโลกที่เป็นประชาธิปไตยมากขึ้น ความหมายที่เป็นรูปธรรมในแง่ของ metaverse คือ และนั่นคือวิสัยทัศน์ที่ผมมีและคนอื่นๆ อีกหลายคนมี ถือเป็นทางออกที่ดีเลิศจริงๆ ในอนาคต นั่นคือสิ่งที่เรากำลังพยายามทำให้สำเร็จด้วย Open Metaverse Alliance ที่เรากำลังทำร่วมกับ Upland ด้วยแอปพลิเคชันบุคคลที่สาม ที่เราอนุญาตให้ผู้ใช้นำข้อมูลและทรัพย์สินของพวกเขาติดตัวไปด้วยหรือข้อมูลระบุตัวตนของพวกเขา เหมือนเป็นอวตารและใช้มันในโลกหนึ่งและใช้สิ่งนั้นในอีกโลกหนึ่งแล้วกลับมาอีกโลกหนึ่งแล้วนำมันกลับบ้าน เพราะถ้าผมขายอะไรบางอย่าง บางทีในแคนาดา ผมก็สามารถเอาเงินนั้นกลับบ้านและใช้จ่ายในสหรัฐอเมริกาได้ ถ้าผมต้องการน่ะนะ แน่นอนว่าบางครั้งอาจมีภาษีอยู่ระหว่างนั้น แต่นั่นเป็นวิธีการทำงานและเป็นเช่นนั้นจริงๆ ทำไมในโลกนี้ที่เรามักถูกขังอยู่ในสวนที่มีกำแพงล้อมรอบเหล่านี้ เพราะมีบริษัทแห่งหนึ่งพยายามจะก่อตั้ง Monopoly ใช่ไหม? จากนี้ก็ไม่จำเป็นต้องกลับมาเล่นแล้ว แต่แนวคิดก็คือ แล้วมันดีสำหรับบริษัทเดียว อาจจะเป็นผู้ถือหุ้นของพวกเขา แต่มันก็ไม่ดีต่อสังคมโดยรวม นั่นคือเหตุผลที่ผมคิดว่า metaverse แบบเปิดและการทำงานร่วมกันเป็นข้อเสนอคุณค่าที่แข็งแกร่งกว่ามากใช่ไหม แต่คุณต้องแก้ปัญหาความท้าทายต่าง ๆ เพื่อที่จะทำให้มันน่าสนใจยิ่งขึ้น

Matt Zahab

พูดได้ดีมากเลยครับ สิ่งหนึ่งที่ทำให้ผมทึ่งสุดๆ ก็คือทีมของคุณเติบโตอย่างยอดเยี่ยม และอย่างที่คุณพูดไว้ เมื่อ 20 นาทีที่แล้วตอนเริ่มรายการเกี่ยวกับว่าคุณไม่รู้จักใครเลยที่ไม่เคยเล่น Monopoly และผมเห็นด้วยกับคุณนะ มันเหมือนกับเกมที่โด่งดังที่สุดเกมหนึ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคุณยังเป็นเด็ก มันเป็นเกมคลาสสิก มันสอนคุณเกี่ยวกับเศรษฐกิจในเกม เกี่ยวกับการเจรจา และการซื้อขาย เราทำต่อไปได้ แต่สิ่งที่ผูกขาดอีกประการหนึ่งคือพวกคุณรวมเอาโลกแห่งความเป็นจริง ทรัพย์สินในโลกแห่งความเป็นจริง และเมืองในโลกแห่งความเป็นจริงรวมเข้าด้วยกัน Dirk คุณและผมได้พูดคุยเรื่องนี้กันไปแล้วในรายการ ช่วยเพื่อนชายแดนทางตอนเหนือของคุณในแคนาดาออกไปหรือยัง ผมรออยู่เพื่อดูว่าโตรอนโตจะกลายเป็นเมืองที่ฮอตรึเปล่า แต่ผมซื้ออสังหาริมทรัพย์บางส่วนในอัปแลนด์ใกล้กับผมในดีทรอยต์ ใช้เวลาขับรถข้ามชายแดนเพียงประมาณห้าชั่วโมงเท่านั้นล่ะ และถ้าคุณอาศัยอยู่ในเมืองเหล่านี้ ก็ มีโอกาสที่ดีที่คุณจะต้องการซื้อที่ดินบางที่ใน Upland ซึ่งถือว่าเจ๋งมาก และล่าสุดนี้ และเมื่อไม่นานมานี้ยินดีด้วยครับสำหรับข่าวที่ใหญ่มาก ความร่วมมือกับ FIFA Women’s World Cup และพวกคุณทำ Upland cafes อีกแล้ว ยิ่งใหญ่กว่าเดิมอีก ทั้งใน ลอนดอน เบอร์มิงแฮม เบอร์ลิน โตเกียว อธิบายวิธีการที่คุณและทีมเติบโตและทำอย่างต่อเนื่อง รวมถึงสิ่งที่ดีที่สุดที่คุณทำเพื่อให้บรรลุการเติบโตด้วย

Dirk Lueth

ใช่ ก่อนอื่นเลย ผมคิดว่าเรามีทีมที่ยอดเยี่ยม ดังนั้นไม่ใช่ทุกอย่างเกิดขึ้นจากสมองของผม แน่นอนว่าเป็นแนวคิดดั้งเดิมร่วมกับผู้ร่วมก่อตั้งสองคนของผม แต่เรามีคนที่แข็งแกร่งมากที่ช่วยเหลือเราและทำ และสิ่งที่ตลกก็คือ บางครั้งสิ่งต่าง ๆ เกิดขึ้นใน Upland ผมก็ไม่รู้นะว่าเกิดอะไร มีเรื่องมากมายเกิดขึ้น มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะติดตามด้วยตัวเองนั่นเป็นเรื่องจริง แต่สุดท้ายเราก็เข้าใจนะ เราบอกว่าไม่เป็นไร เราสามารถมีไอเดียได้ เรากำหนดโครงสร้างพื้นฐานได้ แต่ในจุดหนึ่ง เราก็มาถึงขีดจำกัดของเราเช่นกัน และขอย้ำอีกครั้งว่า ตอนนี้เราไม่อยากเป็นบริษัทแบบสวนที่มีกำแพงล้อมรอบ ที่สร้างทุกอย่างขึ้นมา สิ่งที่เราต้องการทำจริงๆ คือเราต้องการเพิ่มศักยภาพให้กับคอมมูนิตี้ เราให้อำนาจแก่คอมมูฯ ด้วยการมอบเครื่องมือเนื้อหาที่ผู้ใช้สร้างขึ้น แต่ยังไม่เสร็จนะ แต่เรากำลังพัฒนาอยู่ เรามีแพลตฟอร์มสำหรับนักพัฒนาบุคคลที่สาม เรามีสิ่งนั้นและเรายังมีสิ่งที่เรียกว่าการกระจายอำนาจแบบก้าวหน้าอีกด้วย ในตอนแรก Upland มีการรวมศูนย์มากกว่าเล็กน้อย และนั่นก็เป็นไปตามวัตถุประสงค์ เพราะในช่วงเริ่มต้น เศรษฐกิจมีความเปราะบางมาก ก็เป็นหนึ่งในความลับเช่นกัน เพราะว่ามีคนที่พยายามหาช่องโหว่และหาเงินมากขึ้นเพื่อทำอะไรบางอย่างอยู่เสมอ และคุณต้องควบคุมสิ่งนั้นตั้งแต่เริ่มต้นเป็นอย่างน้อย เพราะคุณไม่สามารถคิดถึงทุกสิ่งได้ แต่เมื่อเวลาผ่านไป เมื่อเศรษฐกิจเติบโตและมีธุรกรรมเกิดขึ้นระหว่างผู้เล่นมากขึ้น เราก็สามารถมั่นใจได้ว่าเราสามารถมอบหมายความรับผิดชอบให้กับผู้เล่นได้มากขึ้น ดังนั้นเราจึงลงคะแนน จริงๆ แล้ว เรามีคะแนนเสียงอยู่บ้างแล้ว โดยที่ผู้คนลงคะแนนจริง และเราแนะนำบางสิ่งบางอย่าง พวกเราในฐานะอัปแลนด์คิดว่านั่นเป็นวิธีที่ถูกต้องในการดำเนินเรื่องนี้ แต่ผู้คนก็สามารถลงคะแนนเสียงคัดค้านได้ ผมหมายถึงพวกเขาลงคะแนนให้ แต่ก็สามารถไปทางอื่นได้เช่นกัน เราตระหนักดีถึงเรื่องนั้น แต่เช่นนี้ ล้วนเป็นการเสริมพลังให้กับชุมชน แต่ในทางกลับกัน แน่นอนว่า ตอนนี้เรากำลังเปิดตัวเมืองต่างๆ มากมาย มันซับซ้อนมากขึ้นเรื่อยๆ มันต้องมีวินัยอย่างมากจากฝั่งเรา นอกจากนี้ ไม่ใช่แค่เราต้องคิดถึงสิ่งที่เรากำลังทำอยู่ในดีทรอยต์ตอนนี้ เราจะทำอะไรในลอนดอน โตเกียว และเมืองเหล่านี้ทั้งหมดมันเป็นอุปสรรคด้านภาษาด้วย ผมพูดได้ไม่กี่ภาษาแต่พูดภาษาญี่ปุ่นไม่ได้ดังนั้นตอนนี้เราจะต้องมีคนญี่ปุ่นที่ช่วยให้เราเข้าใจตลาดท้องถิ่นบ้างแล้วล่ะ นี่เป็นความท้าทายและเมื่อเราเติบโตขึ้น เราต้องคิดว่าเราจะแก้ไขปัญหาความท้าทายเหล่านั้นอย่างไร

Matt Zahab

อย่างแรกคุณต้องพาผมเดินผ่านร้านกาแฟด้วยเพราะมันดูซ้ำซากและดูเหมือนเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้ามและไม่ต้องคิดอะไรมาก ผมแน่ใจว่าไม่ใช่แบบนั้น แต่หลังจากที่ข่าวแพร่สะพัด และนี่คือร้านกาแฟบนอัปแลนด์และการเป็นหุ้นส่วนล่าสุดที่ไม่มีที่ไหนเลย แต่ดูเหมือนว่าจะเป็นเกมง่ายๆ และมันยอดเยี่ยมมากในตอนท้ายของวัน มันเหมาะสำหรับการเจริญเติบโต คุณต้องพาผมไปที่ร้านแล้วล่ะว่า มันเกิดขึ้นได้อย่างไร?

Dirk Lueth

ใช่แล้ว เราพูดเสมอว่าเราต้องให้ผู้ใชใช้มีโอกาสเพราะในตอนแรกการเรียกร้องของเราคือการเล่น รับ และเชื่อมต่อ ที่เราพูดกันในอัปแลนด์ และด้านการเชื่อมต่อโดยพื้นฐานแล้วมักจะอยู่ใน Discord เล็กน้อยเป็นต้น แล้วเราก็ปฏิเสธตลอดว่าไม่ เพราะใน Discord เราก็มี Upland Cafe ใน Discord อยู่แล้ว นั่นคือผมคิดว่าเป็นทั้งเราหรือบางทีแม้แต่ผู้เล่นก็แนะนำมัน ผมจำไม่ได้จริงๆ แต่เรามักจะพูดเสมอว่า มาถ่ายทอดแนวคิดนั้นไปยังเมตาเวิร์สกันดีกว่า และอย่างที่ผมได้กล่าวไว้ก่อนหน้านี้ เรามีการแชทแบบ 2 มิติ การแชทแบบ Discord ซึ่งการสื่อสารแบบตัวต่อตัวใน Upland ดำเนินการในระดับ 2 มิติแล้ว แล้วเราก็บอกว่า โอเค ตอนนี้เราต้องการร้านกาแฟจริงๆ และระดับ 3 มิติ และขอย้ำอีกครั้งว่าสิ่งที่เราเปิดตัวในตอนนี้ยังเป็นเวอร์ชันแรกๆ อีกด้วย แต่สิ่งสำคัญคือผู้คนสามารถเข้าไปที่นั่นได้ พวกเขาสามารถนำอวาตาร์ของพวกเขาไปได้ เพราะเราแนะนำ เรามีพันธมิตรกับ Ready Player Me ด้วย ดังนั้นคุณสามารถกำหนดอวตารของคุณใน Upland จากนั้นคุณสามารถใส่ตัวแปรให้กับอวตารของคุณได้จริงไหม? ตอนนี้คุณเข้าไปในร้านกาแฟแล้วไปที่นั่นแล้วปรากฏเป็นอวตารของคุณ สามารถเดินไปรอบๆได้นิดหน่อย สิ่งที่น่าสนใจสุดๆ สิ่งหนึ่งที่คุณสามารถทำได้คือ เราทำ AMA ในร้านกาแฟ เพื่อให้ผู้คนในร้านกาแฟสามารถรับชมได้เหมือนบนหน้าจอหรือหลังจากที่เราสนทนากันจริงๆ แล้ว ดังนั้น Idan ผู้ร่วมก่อตั้งของผมจึงทำอย่างนั้น เรามีกลุ่ม และเมื่อคุณเข้าใกล้กลุ่มด้วยเสียงเชิงพื้นที่ของอวาตาร์ จริงๆ แล้วระดับเสียงจะเพิ่มขึ้น มันน่าสนใจมาก เหมือนในชีวิตจริงมาก และที่ตลกก็คือ คุณต้องลองดูจริงๆ และประสบการณ์ส่วนตัวของผมคือเมื่อคุณอยู่ในร้านกาแฟหรือเมื่อคุณบันทึกห้อง 3 มิติใช่ไหม รู้สึกเหมือนสิ้นสุดวันจริงๆ เมื่อคุณจากไป คุณมีความรู้สึกว่าได้ไปที่นั่นมาแล้ว ผมอยู่ที่ไหนสักแห่ง นั่นเป็นอะไรบางอย่างจริงๆ เพราะตอนนี้ ผู้คนโดยเฉพาะอย่างยิ่งที่วิพากษ์วิจารณ์ metaverse เป็นจำนวนมาก หลายๆ คนอาจไม่เคยเข้าสู่ metaverse ด้วยซ้ำ พวกเขาแค่อ่านเกี่ยวกับมันและอื่นๆ แต่พวกเขาไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้เลยสักสองสามชั่วโมงหรือเห็นว่าเพราะใครก็ตามที่ทำแบบนั้นหลังจากนั้นและได้รับประสบการณ์การชมภาพ 3 มิติเต็มรูปแบบ คุณจะเริ่มพูดว่า โอ้ ดี นี่เป็นความรู้สึกที่แตกต่างจากการอยู่บนอินเทอร์เน็ตและดูที่จอแบนของผม และฟีดข่าวของผมหรืออะไรก็ตาม และนั่นคือสิ่งที่เราพยายามทำให้สำเร็จด้วยร้านกาแฟเช่นกัน และอย่างที่บอกไป มันเป็นแค่เวอร์ชันหนึ่งเท่านั้น และจะมีตามมาอีกมากมาย

Matt Zahab

และก่อนที่เราจะไป Dirk เพราะว่าเรามีเวลาจำกัด คุณต้องคุยกับผมเกี่ยวกับความร่วมมือกับ FIFA World Cup ก่อน คุณกำลังทำกิจกรรมอีกเพียบเลยที่รวมถึงประสบการณ์ในเกมด้วย มันเป็นยังไง?

Dirk Lueth

ใช่ ดังนั้นเราจึงเริ่มต้นด้วย FIFA ผมอยู่ในกาตาร์เวิลด์คัพแล้วและความคิดที่เรามีคือคนสามารถซื้อสีของตนสำหรับประเทศที่พวกเขาสามารถบรรลุเป้าหมายได้ เพื่อนร่วมชาติสร้างความภาคภูมิใจในตัวเอง ผมเป็นคนเยอรมัน คุณรู้ว่าในสหรัฐอเมริกา มันไม่ได้รับความนิยมมากนัก แต่เมื่อคุณอยู่ในประเทศเหล่านั้น ผู้คนจะถือธงนอกบ้าน ดังนั้นเราจึงก็อปแนวคิดนั้นไปเกือบหมดจากสิ่งที่เรามี แต่สิ่งที่เราแนะนำก็คือจุดที่ผู้คนสามารถซื้อชุดรวมได้ จากนั้นจึงซื้อไอเทมบางอย่างในชุดรวมได้ และไอเทมเหล่านั้นที่คุณสามารถสะสมแต้มแฟนได้ และยิ่งแต้มแฟนแต้มสูงเท่าไร คุณก็จะได้รับสิทธิ์ในการรับไอเทมหายากจริงๆ และของที่หายากมากก็คือเรามีทองคำเป็น NFT จากฟุตบอลโลกจริงๆ ตัวอย่างเช่นในอัปแลนด์ ผมไม่รู้ว่าคุณดูฟุตบอลโลกรอบชิงชนะเลิศหรือเปล่า แต่ฝรั่งเศสเล่นกับอาร์เจนตินาเป็นรอบชิงชนะเลิศที่ดีที่สุดที่ผมเคยดูในชีวิต บอกตามตรง เพราะมันน่าตื่นเต้นมากที่ สุดท้ายถึงแม้เยอรมนีจะไม่ได้เล่นแต่เป็นการต่อเวลาและจุดโทษดราม่าเต็มๆ จริงๆ และเมสซี่ก็ยิงประตูตรงนั้น และนั่นคือ NFT ในตอนนี้ ดังนั้นใน Upland จึงเป็นที่สำหรับรับ NFT ซึ่งยอดเยี่ยมมากใช่ไหม และแน่นอนว่ายังมีเป้าหมายอื่นๆ อยู่ด้วย แล้วคุณล่ะมีอะไรบ้าง นั่นคือสิ่งที่ทำให้เป็นหุ้นส่วนน่าสนใจ

Matt Zahab

พูดถึงฟุตบอลโลก นอกประเด็นนิดหน่อย แต่ผมต้องถาม คุณจำได้ไหมว่าคุณอยู่ที่ไหนตอนที่เยอรมนีเอาชนะบราซิลในฟุตบอลโลกที่บราซิล? ผมจำได้ว่าเคยดูเรื่องนั้น ผมอยู่กับเพื่อนและมันอยู่ที่บ้านของผม ผมมีเพื่อนสองสามคน เราคิดว่ามันจะเป็นหนึ่งในเกมที่ดีที่สุด ผมเชื่อว่ามันเป็นเกมรอบรองชนะเลิศ ผมคิดว่าพวกคุณทำประตูได้เร็ว และจากนั้นมันก็บูม และผมก็ขนลุกแค่พูดถึงเรื่องนี้ ผมจะไม่มีวันลืมสิ่งนั้น คุณจำได้ไหมว่าคุณอยู่ที่ไหนตอนที่เรื่องนั้นเกิดขึ้น?

Dirk Lueth

โอ้ ใช่แล้ว จริงๆ แล้วผมกำลังดูกับเพื่อนๆ ที่บาร์กีฬา ที่ตลกคือผมสั่งอาหารไปในขณะที่ดูอยู่ แล้วผมก็มองลงไป แล้วก็เห็นประตูอีกครั้ง ผมคิดว่ามันเป็นเพียงการซ้ำเติมเท่านั้น แต่นี่มันก็เป็นประตูถัดไปแล้วนี่ ผมนี่เหลือจะเชื่อ มันเร็วมาก และใช่ นั่นคือช่วงเวลาที่ผมจะไม่ลืม ผมเองก็เป็นแฟนฟุตบอลตัวยง และจริงๆ แล้วเรามีทีมบราซิลใหญ่ใน Upland ด้วย เรามักจะล้อพวกเขาเรื่อง 7 ประตูนั่นตลอด

Matt Zahab

นั่นเยี่ยมมาก ผมจะไม่มีวันลืมเกมนั้น Dirk ขอบคุณจริงๆที่คุณมา ก่อนที่เราจะปล่อยคุณไป มีเกร็ดเล็กๆ น้อยๆ ที่น่าสนใจ ให้ผู้ฟังรู้ว่าพวกเขาจะพบคุณได้ที่ไหนในอัปแลนด์ แต่ก่อนจะถึงเวลานั้น ขอเอาช็อตเด็ดๆ สักสองสามอันก่อน ไม่จำเป็นต้องเกี่ยวข้องกับ metaverse ไม่จำเป็นต้องเป็น crypto อาจเป็นสุขภาพ ความมั่งคั่ง ความสุข AI พื้นที่ใหม่นี้ เซมิคอนดักเตอร์ ZP 99 ที่ใครๆ ก็พูดถึง คุณมีอะไรฝากให้เราก่อนที่เราจะปล่อยคุณไปมั้ย?

Dirk Lueth

ฟังนะ ผมคิดว่าสิ่งหนึ่งที่สำคัญ แม้ว่าผมอาจจะพูดว่า เฮ้ ไปที่เมทาเวิร์สกัน แต่ผมมักจะบอกผู้คนควรมีสมดุลดีในชีวิตที่ดี นี่คือสิ่งที่สำคัญ เราควรพบกับคนๆ นั้นในชีวิตจริง แต่ก็ได้รับประโยชน์จากสิ่งที่คุณสามารถทำได้ในชีวิตดิจิทัลด้วยเพราะพวกเขาสามารถพบปะผู้คนด้วยมุมมองที่แตกต่างกัน ไม่ใช่แค่พื้นที่ปิดที่คุณอาศัยอยู่ แต่บางทีจู่ๆ คุณก็ได้พบกับผู้คนจากเปรู โบลิเวีย ทุกที่ หรือเยอรมนี คุณจึงสามารถขยายเวลาได้ง่ายขึ้นมาก และผมคิดว่านั่นคือสิ่งที่เรามองหา เราควรเรียนรู้ซึ่งกันและกัน และความหวังของผมก็รู้ และนั่นคือสิ่งที่เรากำลังพยายามทำให้สำเร็จด้วยพันธมิตรเมตาเวิร์ส คุณรู้ไหมว่าเมตาเวิร์สจะเป็นสถานที่เชิงบวกมากขึ้น เพราะเราทุกคนรู้ดีว่า น่าเสียดาย ที่บางครั้งเว็บอาจมีผลเสียอย่างมาก และอื่น ๆ และผมคิดว่ามันขึ้นอยู่กับเราแล้วที่จะคว้าโอกาสนั้นและทำให้มันเป็นสถานที่ที่ดีขึ้น

Matt Zahab

พูดได้ดีครับ Dirk คุณเป็นคนที่น่ายินดีจริง ๆ ผมดีใจมากที่ได้มีคุณมาอยู่กับเรา ผมรักอัปแลนด์ และผมเล่นเกมนี้ด้วย ผู้ฟังที่บ้านอีกครั้ง เเราไม่เคยคิดเรื่องค่าใช้จ่ายของผู้เข้าร่วมรายการที่มาออกอากาศกับเรา เขาเป็นเพียงวิทยากรที่น่าทึ่งและมีเกมที่ดีมาก ขอบคุณอีกครั้งที่มาออกอากาศกับเรา ก่อนที่คุณจะออกไป คุณสามารถแจ้งให้ผู้ฟังได้รู้ว่าพวกเขาสามารถพบคุณและ Upland ทางออนไลน์และบนโซเชียลได้จากที่ไหน

Dirk Lueth

ใช่ คุณสามารถดาวน์โหลดได้ที่ App Store หรือแอพอื่นๆ ที่คุณชื่นชอบ หรือ upland.me บนเว็บไซต์ Twitter @UplandMe และ Twitter ของผมคือ @DirkLueth บางทีตอนนี้ผมควรจะพูดว่า X นะ ผมไม่รู้ว่าทุกวันนี้คุณพูดยังไง X รึเปล่า?

Matt Zahab

ผมยังคงเรียกมันว่าทวิตเตอร์นะ ผมไม่ได้เรียกมันว่า X

Dirk Lueth

Twitter หรือ X ของผมคือ @DirkLueth

Matt Zahab

เช่นเดียวกับที่ผมไม่ได้เรียก Staples Center Crypto.com Arena ตอนนี้ผมกำลังดู Rogers Center ในโตรอนโต ซึ่งเคยเรียกว่าสกายโดม สิ่งเก่าๆ ยังคงอยู่ แต่ Dirk รู้สึกซาบซึ้งจริงๆ ที่คุณมา ขอบคุณสำหรับเวลาของคุณและแทบจะรอครั้งต่อไปไม่ไหวเลยล่ะ

Dirk Lueth

ขอบคุณที่เชิญผมมานะ

Matt Zahab

ผู้ฟังทุกคน ตอนนี้เป็นตอนที่ยอดเยี่ยมกับ Dirk Lueth ซีอีโอของ Upland แห่งเดียวและเพียงหนึ่งเดียว และเช่นเคย ผมจะรวมทุกอย่างไว้ในบันทึกการแสดง ทุกสิ่งทุกอย่างของDirkและอัปแลนด์จะอยู่ในบันทึกของรายการ ลองเข้าไปดูใน App Store ไม่ว่าจะเป็น Android หรือ Apple เกมที่สุดยอด เรียนรู้ได้ง่ายสุด ๆ และสนุกสุด ๆ หากพวกคุณชอบสิ่งนี้กดติดตามให้เราด้วยนะครับ มันสำคัญอย่างมาก ผมรักทัมงานทุกคนนะ ขอบคุณสำหรับทุกสิ่ง ผมอยู่ไม่ได้หากไม่มีพวกคุณ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Justas ซาวด์อีดิเตอร์ที่น่าทึ่งของผม ขอบคุณทุกคนที่ทำงานอย่างหนักนะ และผู้ฟังครับ รักทุกคนนะ เติบโตไปดด้วยกันและรักษาสุขภาพให้แข็งแรง รุ่งเรือง และมีความสุขเสมอ ลาก่อน แล้วกลับมาพบกันใหม่เร็วๆ นี้ครับ