บอทซื้อขายในเอเชียตอบสนองต่อข้อมูล ETF หลังตลาดพัก ซึ่งนำไปสู่การแกว่งของราคาเหรียญอย่างชัดเจน 

ภาคภูมิ เกิดปราบ
| 3 min read

บอทซื้อขายในเอเชียตอบสนองต่อข้อมูล ETF

นักลงทุนบิทคอยน์ในเอเชียกำลังเผชิญกับการแกว่งตัวของราคาอย่างสูง เนื่องจากโปรโตคอลเทรดอัตโนมัติตอบสนองต่อกระแสข้อมูลจากกองทุนของอเมริกา (ETF) ที่ถือเหรียญคริปโตเอาไว้ 

ผลกระทบของอัลกอริธึมช่วยเทรดอัตโนมัติเหล่านี้รู้สึกได้โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเทรดในเอเชียหลังจากการพักตลาดของอเมริกา เมื่อมีการเปิดเผยให้เห็นตัวเลขรายวันในด้านอุปสงค์ของ Spot Bitcoin ETF ตามรายงานจาก Bloomberg 

ช่วงการพักของตลาดที่ผ่านมาในเอเชียถือเป็นตัวอย่างที่ดีของอิทธิพลของโปรโตคอลการเทรดอัตโนมัติที่ว่านี้ 

เมื่อวันอังคาร บิทคอยน์มีราคาลดลงอย่างเลวร้ายที่สุดในรอบเดือนตอนช่วงเช้าในเอเชีย เนื่องจากนักลงทุนตอบสนองต่อข้อมูลกระแสที่บ่งชี้ว่ามีการถอนเงินออกจาก Bitcoin ETF 

บอทเทรดซื้อและขายตามกระแสข้อมูล ETF


Shiliang Tang ประธานบริษัทเทรดแบบ PTF อย่าง Arbelos Markets บอกกับทาง Bloomberg ว่าบอทเทรดสามารถวิเคราะห์และตอบสนองต่อข้อมูลดังกล่าวได้โดยอัตโนมัติ ทำให้มีการซื้อหรือขายตามข้อมูลที่ได้รับ 

เชื่อกันว่าการตอบสนองอัตโนมัติเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดตลาดเกิดการเคลื่อนไหว

นับตั้งแต่เปิดตัวเมื่อวันที่ 11 มกราคม US Bitcoin ETF ดึงดูดการลงทุนสุทธิ 12 พันล้านดอลลาร์ 

เงินทุนไหลเข้าที่ว่านี้พุ่งสูงสุดในช่วงครึ่งแรกของเดือนมีนาคม ซึ่งสอดคล้องกับราคาบิทคอยน์ที่สูงเป็นประวัติการณ์ที่ 73,798 ดอลลาร์ 

อย่างไรก็ตาม กองทุน ETF ก็ประสบปัญหาในเรื่องเงินทุนไหลออกนับตั้งแต่นั้นมา และมูลบิทคอยน์ก็ได้ลดลงประมาณ 11% จากจุดสูงสุดตลอดกาล 

รูปแบบของกระแสข้อมูลดังกล่าวช่วยอธิบายว่าทำไมผลตอบแทนของตลาดในช่วงเวลาการเทรดในเอเชียจึงแข็งแกร่งเป็นพิเศษในเดือนกุมภาพันธ์และต้นเดือนมีนาคม แต่จะอ่อนลงในช่วงเดือนมีนาคม

ผลกระทบของโปรโตคอลอัลกอริธึมที่เทขายบิทคอยน์ขยายไปไกลกว่าตลาด Spot และส่งผลกระทบต่อตลาดอนุพันธ์เช่นเดียวกัน 

ตามข้อมูลของ Coinglass มีการเปลี่ยนแปลงเหรียญคริปโตเป็นเงินอยู่ที่ประมาณ 354 ล้านดอลลาร์เมื่อวันอังคาร ซึ่งถือเป็นจำนวนเงินสูงสุดในช่วงสองสัปดาห์โดยประมาณ

กระแส ETF ส่งผลกระทบอย่างมากต่อตลาดบิทคอยน์


ความสำคัญของกระแส ETF ในตลาดบิทคอยน์นั้นเป็นที่ชัดเจนเมื่อเทียบกับสินทรัพย์อื่นๆ 

Charlie Morris ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการลงทุนของ ByteTree Asset Management ตั้งข้อสังเกตว่า Bitcoin ETF ถือเหรียญประมาณ 5.5% ของจำนวนเหรียญทั้งหมด ในขณะที่ทองคำ ETF ถือเพียง 1% ของจำนวนทองคำทั้งหมด 

สิ่งนี้บ่งชี้ว่ากระแสเงินทุน ETF มีอิทธิพลต่อราคาบิทคอยน์มากกว่าเมื่อเทียบกับทองคำ

เมื่อวันอังคาร บิทคอยน์ร่วงลงเกือบ 6% และยังคงไม่สามารถฟื้นตัวกลับมาได้ โดยปัจจุบันซื้อขายกันที่ประมาณ 65,400 ดอลลาร์ 

นอกจากนี้ ความคาดหวังที่ลดลงของการลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางแห่งสหรัฐฯ ยังทำให้เกิดความท้าทายเพิ่มขึ้นเหรียญคริปโตด้วยเช่นกัน

แม้ตลาดจะชะลอตัวไปเมื่อเร็ว ๆ นี้ บิทคอยน์ก็มีการเติบโตที่โดดเด่น โดยเพิ่มขึ้นประมาณสี่เท่านับตั้งแต่ต้นปี 2023 เมื่อเหรียญเริ่มฟื้นตัวจากตลาดขาลง 

นอกจากนี้ ปรากฏการณ์ Halving ที่กำลังจะเกิดขึ้น ซึ่งจะลดอุปทานของโทเค็นบิทคอยน์ใหม่ๆ ก็มีนักเทรดบางคนมองว่าอาจช่วยให้ราคาสูงขึ้นได้

นักลงทุนในตลาดได้ติดตามตัวเลขเงินทุนของ ETF อย่างใกล้ชิด ซึ่งเป็นตัวบ่งชี้สำคัญของความเชื่อมั่นของตลาด 

ด้าน Jakob Kronbichler ซึ่งเป็นผู้ร่วมก่อตั้งตลาดสินเชื่อแบบกระจายอำนาจ Clearpool Finance แนะว่าการปรับฐานราคาของบิทคอยน์เป็นการตอบสนองต่อความตื่นเต้นของตลาดในช่วงสองสามสัปดาห์ที่ผ่านมาและเป็นโอกาสให้ตลาดได้พักหายใจ