บอทซื้อขายในเอเชียตอบสนองต่อข้อมูล ETF หลังตลาดพัก ซึ่งนำไปสู่การแกว่งของราคาเหรียญอย่างชัดเจน
นักลงทุนบิทคอยน์ในเอเชียกำลังเผชิญกับการแกว่งตัวของราคาอย่างสูง เนื่องจากโปรโตคอลเทรดอัตโนมัติตอบสนองต่อกระแสข้อมูลจากกองทุนของอเมริกา (ETF) ที่ถือเหรียญคริปโตเอาไว้
ผลกระทบของอัลกอริธึมช่วยเทรดอัตโนมัติเหล่านี้รู้สึกได้โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเทรดในเอเชียหลังจากการพักตลาดของอเมริกา เมื่อมีการเปิดเผยให้เห็นตัวเลขรายวันในด้านอุปสงค์ของ Spot Bitcoin ETF ตามรายงานจาก Bloomberg
ช่วงการพักของตลาดที่ผ่านมาในเอเชียถือเป็นตัวอย่างที่ดีของอิทธิพลของโปรโตคอลการเทรดอัตโนมัติที่ว่านี้
เมื่อวันอังคาร บิทคอยน์มีราคาลดลงอย่างเลวร้ายที่สุดในรอบเดือนตอนช่วงเช้าในเอเชีย เนื่องจากนักลงทุนตอบสนองต่อข้อมูลกระแสที่บ่งชี้ว่ามีการถอนเงินออกจาก Bitcoin ETF
Bitcoin ETF Flow – 01 April 2024
All data in. $86m net outflow pic.twitter.com/XvBwCUYvVE
— BitMEX Research (@BitMEXResearch) April 2, 2024
บอทเทรดซื้อและขายตามกระแสข้อมูล ETF
Shiliang Tang ประธานบริษัทเทรดแบบ PTF อย่าง Arbelos Markets บอกกับทาง Bloomberg ว่าบอทเทรดสามารถวิเคราะห์และตอบสนองต่อข้อมูลดังกล่าวได้โดยอัตโนมัติ ทำให้มีการซื้อหรือขายตามข้อมูลที่ได้รับ
เชื่อกันว่าการตอบสนองอัตโนมัติเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดตลาดเกิดการเคลื่อนไหว
นับตั้งแต่เปิดตัวเมื่อวันที่ 11 มกราคม US Bitcoin ETF ดึงดูดการลงทุนสุทธิ 12 พันล้านดอลลาร์
เงินทุนไหลเข้าที่ว่านี้พุ่งสูงสุดในช่วงครึ่งแรกของเดือนมีนาคม ซึ่งสอดคล้องกับราคาบิทคอยน์ที่สูงเป็นประวัติการณ์ที่ 73,798 ดอลลาร์
อย่างไรก็ตาม กองทุน ETF ก็ประสบปัญหาในเรื่องเงินทุนไหลออกนับตั้งแต่นั้นมา และมูลบิทคอยน์ก็ได้ลดลงประมาณ 11% จากจุดสูงสุดตลอดกาล
รูปแบบของกระแสข้อมูลดังกล่าวช่วยอธิบายว่าทำไมผลตอบแทนของตลาดในช่วงเวลาการเทรดในเอเชียจึงแข็งแกร่งเป็นพิเศษในเดือนกุมภาพันธ์และต้นเดือนมีนาคม แต่จะอ่อนลงในช่วงเดือนมีนาคม
ผลกระทบของโปรโตคอลอัลกอริธึมที่เทขายบิทคอยน์ขยายไปไกลกว่าตลาด Spot และส่งผลกระทบต่อตลาดอนุพันธ์เช่นเดียวกัน
ตามข้อมูลของ Coinglass มีการเปลี่ยนแปลงเหรียญคริปโตเป็นเงินอยู่ที่ประมาณ 354 ล้านดอลลาร์เมื่อวันอังคาร ซึ่งถือเป็นจำนวนเงินสูงสุดในช่วงสองสัปดาห์โดยประมาณ
กระแส ETF ส่งผลกระทบอย่างมากต่อตลาดบิทคอยน์
ความสำคัญของกระแส ETF ในตลาดบิทคอยน์นั้นเป็นที่ชัดเจนเมื่อเทียบกับสินทรัพย์อื่นๆ
Charlie Morris ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการลงทุนของ ByteTree Asset Management ตั้งข้อสังเกตว่า Bitcoin ETF ถือเหรียญประมาณ 5.5% ของจำนวนเหรียญทั้งหมด ในขณะที่ทองคำ ETF ถือเพียง 1% ของจำนวนทองคำทั้งหมด
สิ่งนี้บ่งชี้ว่ากระแสเงินทุน ETF มีอิทธิพลต่อราคาบิทคอยน์มากกว่าเมื่อเทียบกับทองคำ
เมื่อวันอังคาร บิทคอยน์ร่วงลงเกือบ 6% และยังคงไม่สามารถฟื้นตัวกลับมาได้ โดยปัจจุบันซื้อขายกันที่ประมาณ 65,400 ดอลลาร์
นอกจากนี้ ความคาดหวังที่ลดลงของการลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางแห่งสหรัฐฯ ยังทำให้เกิดความท้าทายเพิ่มขึ้นเหรียญคริปโตด้วยเช่นกัน
แม้ตลาดจะชะลอตัวไปเมื่อเร็ว ๆ นี้ บิทคอยน์ก็มีการเติบโตที่โดดเด่น โดยเพิ่มขึ้นประมาณสี่เท่านับตั้งแต่ต้นปี 2023 เมื่อเหรียญเริ่มฟื้นตัวจากตลาดขาลง
นอกจากนี้ ปรากฏการณ์ Halving ที่กำลังจะเกิดขึ้น ซึ่งจะลดอุปทานของโทเค็นบิทคอยน์ใหม่ๆ ก็มีนักเทรดบางคนมองว่าอาจช่วยให้ราคาสูงขึ้นได้
นักลงทุนในตลาดได้ติดตามตัวเลขเงินทุนของ ETF อย่างใกล้ชิด ซึ่งเป็นตัวบ่งชี้สำคัญของความเชื่อมั่นของตลาด
ด้าน Jakob Kronbichler ซึ่งเป็นผู้ร่วมก่อตั้งตลาดสินเชื่อแบบกระจายอำนาจ Clearpool Finance แนะว่าการปรับฐานราคาของบิทคอยน์เป็นการตอบสนองต่อความตื่นเต้นของตลาดในช่วงสองสามสัปดาห์ที่ผ่านมาและเป็นโอกาสให้ตลาดได้พักหายใจ