. 1 min read

แนะนำ 10 NFT Marketplace – รวมเว็บขาย NFT ที่ดีที่สุด

10 NFT Marketplace

ปี 2021 อาจถูกมองว่าเป็นปีสำคัญในประวัติศาสตร์ศิลปะในอนาคต โดยนักประวัติศาสตร์อาจมองย้อนกลับไปและชี้ว่าปี 2021 ซึ่งเป็นปีที่ NFT ระเบิดเข้าสู่เวทีโลก พร้อมเริ่มสร้างความมั่งคั่งให้กับผู้คนจำนวนมหาศาล ในเดือนมกราคม 2021

ยอดขาย NFT ทั้งหมดจากตลาด NFT หลัก 6 แห่งที่ติดตามโดย cryptoart.io มีมูลค่าเพียง 12 ล้านเหรียญสหรัฐ และภายในเดือนมีนาคม 2021 ยอดดังกล่าวกลับพุ่งทะลุ 200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเพิ่มขึ้นถึงสิบหกเท่าในสองเดือน

โดยสิ่งที่น่ากลับของเรื่องทั้งหมดนี้ก็คือ: NFT ยังคงเป็นช่องทางการตลาดที่ยังใหม่ในระบบนิเวศแบบกระจายอำนาจ ซึ่งสามารถเข้าถึงได้ตั้งแต่ปี 2017 ที่ผ่านมานี้เอง ส่วน Bitcoin เกิดในปี 2009

Cryptoart.io
ที่มา: Cryptoart.io

พอพูดมาแบบนี้แล้วเว็บขาย NFT Marketplace อันดับต้นๆ ในตอนนี้มีอะไรบ้างกันนะ?

ไม่มีคำตอบที่ถูกที่สุดสำหรับเรื่องนี้ เพราะเป็นช่องทางการตลาดที่ยังใหม่ที่ตลาดต่างกำลังทดลองวิธีซื้อขาย NFT ของตนให้ดีที่สุด แทนที่จะมีการจัดลำดับที่ชัดเจน แต่ให้พิจารณาเอาไว้ว่ารายชื่อตลาด FT Marketplac ชั้นนำนี้ประกอบไปด้วยตลาดใหญ่ๆ รวมถึงอธิบายว่า NFT Art เว็บไหนดีมีข้อเสียอย่างไร ดังนั้นแม้ว่าตลาดเหล่านี้จะได้รับการประเมินตามคุณสมบัติเฉพาะของตนเอง แต่ตลาดเหล่านี้ก็ได้รับเลือกตามฐานผู้ใช้และปริมาณการซื้อขายอยู่ หรืออธิบายได้ว่าสิ่งเหล่านี้ถูกเลือกโดยใช้ตัวชี้วัดที่เป็นกลางเป็นส่วนใหญ่ แต่จะถูกประเมินตามความคิดเห็นของแต่ละคน

เราจะแบ่งตลาดทั้ง 10 แห่งที่เลือกไว้ในบทความนี้ออกเป็น 4 ประเภท:

  • Open Marketplace
  • Curated Marketplace
  • Collectible Marketplace
  • Game Marketplace

Open Marketplace (ตลาดเปิด) คือตลาดที่คุณสามารถหาทุกสิ่งได้ในที่เดียว สำหรับใครที่สงสัยว่า NFT มีอะไรบ้าง ขายที่ไหน? ก็มีให้เลือกตั้งแต่งานแนวทัศนศิลป์ ไฟล์เพลง คอลเล็กชัน ไปจนถึงไอเท็มในเกม ด้วยวิธีนี้ NFT Marketplace เหล่านี้จึงเปิดกว้างมากขึ้นสำหรับผู้ที่ต้องการเข้าสู่พื้นที่ NFT โดยคอลเล็กชันคือ NFT ที่มีแบรนด์คุณภาพใกล้เคียงกัน เช่น CryptoPunks เป็นต้น ซึ่งตลาดคอลเล็กชันของ CryptoPunks นั้นถูกสร้างขึ้นในสไตล์เดียวกัน แต่จะมีหน้าและสีที่แตกต่างกัน ส่วนตลาดเกมจะรวมตลาด NFT ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากสินทรัพย์ที่ซื้อในแอพพลิเคชันเกมต่างๆ

Open NFT Marketplace

1. OpenSea

OpenSea

OpenSea มักถูกมองว่าเป็น NFT Marketplace แห่งแรกและยังเคลมว่าเป็นตลาด NFT ที่ใหญ่ที่สุดในขณะนี้ ซึ่งจากการวิเคราะห์ของ DappRadar ก็เห็นด้วย โดย OpenSea มีปริมาณเงินมากที่สุดในช่วง 30 วันที่ผ่านมา หรือในเดือนมีนาคม 2021 เท่าที่ตลาดทั่วไปจะเป็นไปได้

ด้วยอินเทอร์เฟซใช้งานง่ายเนื่องจากพื้นหลังสีขาวและสีน้ำเงินทำให้ลิงค์มีความน่าดึงดูด และด้วยความเป็น Open Marketplace ที่เก่าแก่ที่สุด อินเทอร์เฟซผู้ใช้จึงใช้งานง่ายอย่างน่าประหลาดใจ OpenSea ควรได้รับการพิจารณาว่าเหมาะสำหรับมือใหม่ในการเริ่มต้นเนื่องจากมีการสอนที่เข้าใจง่าย คุณสามารถเรียนรู้ได้มากมายเกี่ยวกับวิธีการทำงานของตลาด NFT โดยใช้แพลตฟอร์มนี้

ส่วนการสร้างคอลเล็กชัน NFT ก็ไม่จำเป็นต้องให้คุณจ่ายค่าแก๊ส (ค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรม) ทุกครั้งที่คุณสร้าง NFT แต่จะแจ้งให้คุณจ่ายค่าแก๊สเพียงครั้งเดียวเมื่อคุณเริ่มขายรูป NFT (หรืออื่นๆ) บนแพลตฟอร์ม โดยผู้ซื้อจะต้องชำระค่าแก๊สเมื่อซื้องานศิลปะของคุณ

อย่างไรก็ตาม ค่าลิขสิทธิ์ที่คุณได้รับต่อรายการนั้นไม่ได้สูงเท่ากับแพลตฟอร์มอย่าง Rarible เนื่องจากถูกจำกัดไว้ที่ 10% ในขณะที่ค่าลิขสิทธิ์ของ Rarible ที่คุณสามารถรับได้สูงถึง 30% แม้ว่านั่นอาจไม่ใช่เรื่องเลวร้ายนัก เนื่องจากผู้มีโอกาสซื้องานของคุณมาขายต่ออาจขายได้ยากหากค่าลิขสิทธิ์นั้นสูงเกินไป

นอกจากนี้คุณยังสามารถเพิ่มรายการจากแพลตฟอร์มอื่นๆ เช่น Mintable และ Rarible ลงใน OpenSea ได้ ทำให้นี่เป็น “ทะเลเปิด” สมชื่อนั่นเอง

2. Rarible

Rarible

Open Marketplace มักมีปริมาณผู้ใช้สูงสุดและก็มาจากเหตุผลที่ดีทีเดียว เมื่อคุณพิมพ์ Rarible ลงใน URL คุณจะเข้าสู่ตลาดได้ทันที เปรียบเทียบสิ่งนี้กับ OpenSea โดยที่คุณต้องคลิกปุ่ม ‘Explore’ เพื่อดูว่ามีอะไรขายอยู่บ้าง อินเทอร์เฟซผู้ใช้บน Rarible เป็นแบบป๊อปและให้บรรยากาศสนุกๆ ด้วยธีมสีเหลืองที่ทำให้ดูสนุก รวดเร็ว คึกคัก และใช้งานง่าย ซึ่งทำให้ดูไม่เป็นทางการจนเกินไป

นอกจากนี้ รายชื่อผู้ขายอันดับต้นๆ ของวันและโฆษณา NFT ยังแสดงให้คุณเห็นในส่วนด้านบน ทำให้ง่ายต่อการมีส่วนร่วมกับตลาดทันที ความสามารถทางการตลาดนี้อาจเป็นเหตุผลสำคัญว่าทำไมฐานผู้ใช้แพลตฟอร์มจึงสูงมาก และคุณจะได้เห็นคนดังอย่าง Mark Cuban และ Lindsey Lohan เป็นครั้งคราว ทำให้เป็นเว็บขาย NFT ที่สะดวกสบายสำหรับนักลงทุน NFT ทั่วไป โดยไม่แสดงถึงภาพลักษณ์การใช้เทคโนโลยีล้ำหน้ามากนัก แต่จะเน้นหนักไปที่การมีส่วนร่วมกับชุมชนของศิลปินแบบสบายๆ แทน

อย่างไรก็ตาม การสร้าง NFT บนแพลตฟอร์มนั้นจำเป็นต้องมีการเติมค่าแก๊สล่วงหน้า หากคุณเพิ่งเริ่มต้น ก็อาจมีค่าใช้จ่ายสูงอย่างไม่น่าเชื่อ ซึ่งสำหรับการทำธุรกรรมเพียงอย่างเดียว อาจมีค่าธรรมเนียม ETH มูลค่า 100 เหรียญดอลลาร์ในวันที่ตลาดคึกคักเลยทีเดียว ในทางกลับกัน คุณสามารถตั้งค่าลิขสิทธิ์ของคุณให้สูงได้ถึง 30% หากคุณรู้สึกมั่นใจว่าคุณขาย NFT น่าลงทุน ที่มูลค่าจะยังคงสูงแม้ว่าจะมีค่าลิขสิทธิ์สูงก็ตาม ซึ่งนี่อาจเป็นวิธีที่คุณสามารถใช้เพื่อสร้าง NFT ของคุณก็ได้

Curated Marketplace

3. Foundation

Foundation

Foundation ไม่ใช่ Curated Marketplace ทั่วไป แต่ใน Foundation ชุมชนจะโหวตให้กับงานศิลปะที่จะแสดงในแอพพลิเคชัน ทำให้เป็นแบบเพียร์ทูเพียร์มากขึ้น เช่นเดียวกับเทคโนโลยีที่ NFT เปิดตัว หากต้องการสมัครเป็นศิลปิน คุณจะต้องสร้างบัญชีและเพิ่มชื่อของคุณใน Community Upvote ก่อน หลังจากนี้ การเป็นศิลปินของคุณจะถูกตัดสินว่าชุมชนโหวตให้กับงานศิลปะของคุณอย่างไร ส่วนถ้าคุณต้องการโหวตเมื่อคุณเป็นสมาชิกที่ได้รับการยืนยันแล้ว คุณก็จะต้องเข้าสู่ระบบ ตรวจสอบรายชื่อผู้สร้าง จากนั้นให้การสนับสนุนศิลปินที่คุณต้องการ Foundation มีเป้าหมายที่จะมอบ “อำนาจไว้ในมือของผู้สร้าง” ณ ขณะนี้ ยังไม่มีการกำกับดูแลโดยผู้ใช้อย่างสมบูรณ์ แต่มีเป้าหมายที่จะเป็นตลาดแบบเพียร์ทูเพียร์อย่างสมบูรณ์เมื่อชุมชนเติบโตขึ้น ซึ่งแม้ว่าฐานผู้ใช้จะยังอยู่ในช่วงเติบโต แต่ก็มีปริมาณการซื้อขายที่สูงมาก

ด้านอินเทอร์เฟซผู้ใช้จะเป็นสีดำและล้ำสมัย ภาพมีขนาดใหญ่ ชัดเจน และเป็นมืออาชีพ มุมซ้ายบนมีรูปทรงทึบสีดำ ได้แก่ สามเหลี่ยม วงกลม สี่เหลี่ยม ส่วนใต้ NFT แต่ละรายการสำหรับการประมูลจะมีแถบสีดำทึบ โดย NFT แต่ละรายการที่ประมูลจะเว้นระยะห่างกัน ด้วยความสีดำที่ดูเรียบง่ายนั้นทำให้แพลตฟอร์มดูล้ำสมัยและมีความเป็นมืออาชีพสุดๆ

ข้อเสียอย่างเดียวของแพลตฟอร์มก็ถือการที่ผู้ใช้เป็นคนดูแลจัดการล้วนๆ ซึ่งก็อาจมีสไตล์ที่โดดเด่นไปทั่วแพลตฟอร์มหากผู้ใช้ทั้งหมดมีส่วนร่วมด้วยกัน ซึ่งก็อาจไปขัดขวางความหลากหลายของแพลตฟอร์มได้ และอีกครั้ง คุณก็อาจแย้งได้ว่าคุณภาพระดับนี้จะช่วยให้ Foundation มีสไตล์ที่ดูเป็นรูปธรรมขึ้นมาได้เช่นกัน

4. SuperRare

SuperRare

SuperRare ก่อตั้งขึ้นในปี 2017 ซึ่งเป็น Curated Marketplace ที่ได้รับการดูแลจัดการแต่แรกและมีความหายากสมชื่อ งานศิลปะแต่ละชิ้นล้วนมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว หากคุณไม่แน่ใจว่า NFT ซื้อที่ไหนดี โดยงานศิลปะในนี้จะไม่มีการสร้างเพิ่ม ก็เลยถือว่า: ‘หายากมาก’ ทั้งยังผสมผสาน Christie’s ซึ่งเป็นบริษัทประมูลระดับไฮเอนด์ที่มีชื่อเสียงและ Instagram เข้าด้วยกัน และก็ประสบผลสำเร็จอย่างมาก ซึ่งก็มีผลอย่างมากต่อคำอธิบายคุณภาพสูงภายในเว็บ โดยเราจะได้เห็นตัวอย่างศิลปิน สไตล์ คำชื่นชม และเรื่องราวของพวกเขา ซึ่งสร้างความ “ไฮเอนด์” ให้กับตัวแพลตฟอร์ม

แทนที่จะโหวตจากชุมชน ศิลปินจะต้องส่งผลงานของตนเพื่อส่งเข้าประกวด และทีมงาน SuperRare จะเป็นผู้ตัดสินใจว่าจะขายรูป NFT ยังไงหรือควรขายหรือไม่ ทำให้คุณภาพโดยเฉลี่ยของงานศิลปะอยู่ในระดับสูงมาก หลักการของพวกเขาคือความรักในการสะสมผลงาน โดย SuperRare เชื่อว่าการสะสมเป็นการกระทำทางสังคมที่ผู้ใช้จะมีส่วนร่วม และยังแบ่งปันความหลงใหลเพื่อทำให้ชุมชนผูกพันกัน โดยงานศิลปะจะมีค่าคอมมิชชั่น 15% เมื่อขายครั้งแรก ส่วนศิลปินจะได้รับ 85% และในครั้งถัดมา ศิลปินต้นฉบับจะได้รับค่าลิขสิทธิ์ 3%

SuperRare ใช้อินเทอร์เฟซที่เรียบง่ายและดูเป็นมืออาชีพ ถึงจะดูไม่ค่อยมีความมินิมอลเท่า Foundation ก็ตาม และชื่อ SuperRare ก็ไม่ได้ฟังดูไฮเอนด์เท่า Foundation เช่นกัน SuperRare นั้นมี ‘การระบุที่ชัดเจน’ ในขณะที่คำว่า Foundation จะให้ความรู้สึกที่เป็นสากลมากกว่า อย่างไรก็ตาม SuperRare ก็ถือเป็นกรณีที่ดีในฐานะ Cryptography Christie’s ที่รวมเอาความหายากและชื่อเสียงของงานศิลปะเข้าด้วยกัน โดยทุกอย่างที่เราพูดถึงไปจะช่วยยกระดับภาพลักษณ์ของ SuperRare ได้อย่างมหัศจรรย์

5. Nifty Gateway

Nifty Gateway

ตามที่กราฟศิลปะคริปโตที่ด้านบนของบทความแสดงให้เห็น Nifty Gateway มีตัวเลขยอดขายที่น่าประทับใจที่สุดจาก Curated Art Marketplace ทั้งหมด โดย Nifty Gateway ก็มีเหล่าคนดังอย่าง Steve Aoki, Calvin Harris, Grimes และ The Weeknd ที่มาร่วมประมูลภายในเว็บอีกด้วย

แล้วอะไรทำให้ Nifty Gateway มีพลังมหาศาลในโลก NFT กันล่ะ? คำตอบนั้นง่ายมากๆ โดยคุณสามารถชำระเงินด้วยบัตรเครดิตได้ และไม่ต้องตั้งค่า MetaMask และชำระเงินด้วย Ethereum ซึ่งทำให้เข้าถึงได้ง่ายยิ่งขึ้น โดยแพลตฟอร์มทำหน้าที่นำกระบวนการแบบรวมศูนย์มาสู่กระบวนการแบบกระจายอำนาจสำหรับคุณ ด้วยวิธีนี้ Nifty Gateway จะสามารถเชื่อมช่องว่างระหว่างประชากรจำนวนมากและโลกที่มีการกระจายอำนาจและมีเป้าหมายคือการนำ NFT ให้เข้าถึงได้สำหรับผู้คนนับพันล้านคน

อย่างไรก็ตาม ผู้ที่ต้องการโลกที่มีการกระจายอำนาจที่บริสุทธิ์ยิ่งขึ้น อาจไม่ชอบไอเดียที่ตลาด NFT ใหญ่ๆ แบบนี้จะขายงานศิลปะด้วยบัตรเครดิต สิ่งนี้ทำให้การเป็นเจ้าของบางสิ่งบนเครือข่ายแบบกระจายอำนาจมีความรู้สึกที่ขัดแย้งกัน และถึงแม้ว่าแพลตฟอร์มของพวกเขาจะมีศิลปินชื่อดังใช้งาน แต่มันก็ไม่ได้ให้ความรู้สึกที่เป็น “ระดับไฮเอนด์” มากนัก มีเพียงการออกแบบที่เรียบง่ายของช่องสีขาวระหว่าง NFT แต่ละรายการเท่านั้น แต่อย่างไรก็ตาม Nifty Gateway ก็เป็นแพลตฟอร์มที่สร้างแรงบันดาลใจและได้ทำสิ่งต่างๆ มากมายในการผลักดัน NFT เข้าสู่กระแสหลัก

Collectible Marketplace

6. CryptoPunks

CryptoPunks

ด้วยจำนวน NFT ที่มีอยู่เพียง 10,000 รายการ CryptoPunks ยังคงเป็น NFT ที่มีค่าที่สุดในตลาด ซึ่งก่อตั้งโดย LarvaLabs และเป็นภาพบุคคลแบบพิกเซลที่เรียบง่ายและยังมีค้นกำเนิดที่มีคุณค่า: โดย NFT แรกๆ บางส่วนที่มีอยู่ใน Ethereum Ethereum และมี ‘เอเลี่ยนฟังก์’ ที่หายากเพียงเก้ารายการเท่านั้น ซึ่งแต่เดิมขายในราคาไม่ถึง 100 ดอลลาร์ และมีมูลค่าสูงถึงล้านเหรียญในอีกสี่ปีต่อมา

เว็บไซต์ไม่ได้มีความหลากหลายมากที่สุดในแง่ของ NFT ที่คุณสามารถซื้อได้ แต่เว็บไซต์ก็มีรูปแบบสีชมพูม่วงผสมกัน แม้ว่าคุณจะพบ CryptoPunks เหล่านี้บางส่วนได้ใน OpenSea แต่ก็มีการจัดขายอย่างประณีตบน larvalabs.com สิ่งนี้คือเพียงเพราะพวกเขาเป็นจุดปฏิวัติของประวัติศาสตร์ Blockchain และสมควรได้รับตำแหน่งให้เป็นหนึ่งในตลาดซื้อขาย NFT ชั้นนำของโลก

7. NBA Top Shot

NBA Top Shot

แม้ว่าจะค่อนข้างใหม่ แต่ผลงานอันดับต้นๆ ของ NBA ก็เป็นหนึ่งในตลาด NFT ที่ประสบความสำเร็จด้านการเงินมากที่สุดในปัจจุบัน โดยมีผู้ใช้มากกว่า 340,000 ราย โดยข้อมูลจาก DappRadar ระบุว่า NBA Top Shot ทำรายได้ไปแล้วกว่า 180 ล้านดอลลาร์ในเดือนที่ผ่านมา เมื่อนำไปเปรียบเทียบ Cryptopunks ที่มีปริมาณเงินประมาณ 250 ล้านดอลลาร์ แต่ก็มีมาตั้งแต่ปี 2017 ส่วน NBA Top shot เปิดตัวในช่วงปลายปี 2020 เท่านั้น!

เมื่อมองจากหน้าจออินเทอร์เฟซ ก็ถือว่ามีความสวยงามมากว่า CryptoPunk อย่างมาก โดยคอลเล็กชันจะเป็นวงล้อไฮไลท์ 3 มิติที่เป็นโมเมนต์ของ NBA และมีการออกแบบที่น่าทึ่งซึ่งดูเหมือนเป็นอนาคตของคอลเล็กชัน NFT สิ่งเดียวที่ควรรู้ก็คืออาจเป็นเว็บที่ไม่เหมาะสำหรับใครที่ซีเรียสเรื่องการกระจายอำนาจและไม่ชอบไอเดียการซื้อ NFT ด้วยสกุลเงินทั่วไป แต่ด้วยเลย์เอาต์และการนำเสนอภายในเว็บก็เป็นสิ่งที่คุณคาดหวังได้จากหนึ่งในกีฬาที่ใหญ่ที่สุดในโลก

8. Ether Cards

Ether Cards

Ether Cards คร่อมเส้นแบ่งระหว่างงานศิลปะและการ์ดสะสมซึ่งก็มีความเป็นตัวเองสูงมาก แพลตฟอร์มนี้ได้รับการดูแลจัดการโดยทีมงาน Ether Cards และมีศิลปินคุณภาพมากมาย โดยศิลปินสามารถปรับแต่งงานศิลปะของตนให้เป็นการ์ดสะสมตามความโดดเด่นของตัวเองได้ผ่าน ‘การทำให้เป็นเกม’ ทางด้านการออกแบบเว็บไซต์ก็มีความทันสมัยและเป็นมืออาชีพ และสามารถเทียบเคียงได้กับได้กับทุกๆ ตลาด NFT ในตอนนี้

ศิลปินแต่ละคนมีประวัติที่เขียนไว้อย่างดีซึ่งอธิบายงานของพวกเขาและอธิบายวิสัยทัศน์ของพวกเขาได้ดี ทั้งยังให้ความสำคัญกับการรวบรวมการ์ดทั้งชุดจากเจ้าของอีกด้วย โดยการ์ดแต่ละใบที่คุณเป็นเจ้าของจะมีคุณสมบัติของตัวเองติดอยู่ คุณสามารถปลดล็อกคุณสมบัติต่างๆ ได้ขึ้นอยู่กับว่าคุณได้การ์ดอะไร คุณยังสามารถรับโบนัสได้หากคุณมีการ์ดทั้งชุด แม้ว่าแพลตฟอร์มดังกล่าวจะเข้าถึงได้ยากสำหรับใครที่ไม่สนใจ NFT เป็นทุนเดิม แต่แพลตฟอร์มก็ได้เสนอไอเดียที่แปลกใหม่สำหรับตลาด NFT ไปเรียบร้อย

Games Marketplace

9. Axie Infinity

Axie Infinity

ถ้าคุณชอบเกมวางแผนและสัตว์น่ารักๆ คุณก็น่าจะชอบ Axie Infinity โดยคุณสามารถสร้างทีมสัตว์หรือที่เรียกว่า Axie เพื่อต่อสู้กับ Axie ตัวอื่นโดยใช้การ์ด Axie ที่คุณรวบรวมได้ คุณยังสามารถผสมพันธุ์ Axie เพื่อสร้าง Axie ตัวใหม่ และเมื่อคุณพอใจกับกลไกแล้ว คุณก็สามารถใช้ Axie ที่น่ากอดของคุณเพื่อต่อสู้กับผู้เล่นคนอื่นๆ ได้

โดยในตลาดจะมีการประมูลสัตว์ Axie, ไอเท็ม, รวมถึงที่ดินในเกม โดยความน่ารักของแพลตฟอร์มจะเชิญชวนให้ใครที่ปกติไม่ได้สนใจโลกที่มีการกระจายอำนาจให้เข้ามาลิ้มลอง ด้วยปุ่มขนาดใหญ่และการออกแบบที่น่าดึงดูดทำให้อินเทอร์เฟซเข้าถึงได้ง่าย รวมถึงปริมาณการขายและฐานผู้ใช้ที่มั่นคง Axie Infinity ได้สร้างชื่อเสียงให้กับตนเองในฐานะตลาดเกมและ NFT ที่โดดเด่นไปแล้วเรียบร้อย

10. Decentraland

Decentraland

แม้ว่าบางคนอาจไม่อยากเรียก Decentraland ว่าเป็นเกม แต่โลกเสมือนของแพลตฟอร์มนั้นเหมือนกับวิดีโอเกมแนว Sandbox อย่างมาก ยกตัวอย่างเช่นเกมแนว Sandbox อย่าง Minecraft ที่คุณจะได้รับเครื่องมือและกฎสำหรับสร้างโลกตามจินตนาการของคุณ ส่วนใน Decentraland คุณจะสามารถซื้อที่ดิน NFT ดิจิทัลและสร้างสิ่งที่คุณต้องการได้ ผู้เล่นบางคนได้สร้างพิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงงานศิลปะ NFT สร้างเกมในดินแดนของตน หรือแม้แต่สร้างตลาดในนั้น ผู้ใช้บางคนยังทำเงินได้มากมายในการซื้อที่ดินดิจิทัลเพื่อขายในภายหลัง ใช่แล้ว การพลิกธุรกิจอสังหาริมทรัพย์แบบดิจิทัลได้กลายเป็นเรื่องปกติไปแล้ว

คุณอาจจะถามว่า ‘ที่ดินดิจิทัลบนโลกนี้มีคุณค่าขนาดนี้ได้ยังไง?’ ทุกครั้งที่ผู้ใช้เข้าสู่โลกเสมือนของแพลตฟอร์ม ผู้ใช้จะได้มีส่วนร่วมและมีปฏิสัมพันธ์โดยอัตโนมัติ หากบริษัทโฆษณาบนอาคารดังกล่าว คุณจะสามารถเข้าไปในอาคารเสมือนของพวกเขาได้จากทุกที่ในโลกและมีปฏิสัมพันธ์ได้ โดยจะมีฟีเจอร์ที่คุณสามารถคลิกบนป้ายโฆษณาได้ และคุณจะถูกเปลี่ยนเส้นทางไปยังเว็บไซต์ของผู้ลงโฆษณา นี่อาจเป็นโฆษณาที่น่าดึงดูดใจมากกว่าการเดินผ่านป้ายโฆษณาขนาดใหญ่ในโลกจริงก็ได้ ซึ่งสิ่งเดียวที่สามารถจำกัดอะไรแบบนี้ได้ก็มีแค่ความคิดสร้างสรรค์ที่ไม่มากพอเท่านั้น

ถึงอย่างนั้น Decentraland ก็เป็นแพลตฟอร์มที่ค่อนข้างซับซ้อน และอาจจะยากสำหรับผู้ที่ไม่คุ้นเคยกับโลกแบบ Sandbox อย่างไรก็ตาม ผู้ใช้ก็จะพอใจที่ได้สร้างโลกและมีความเป็นไปได้อันไร้ที่สิ้นสุดภายในแพลตฟอร์ม