เกาะเจจู ประเทศเกาหลีใต้ มองหาการเติบโตที่ขับเคลื่อนด้วย NFT

สมชาย หวาง
| 3 min read

เกาะเจจู ประเทศเกาหลีใต้ มองหาการเติบโตที่ขับเคลื่อนด้วย NFTเกาะเชจู ซึ่งเป็นจังหวัดเขตร้อนนอกชายฝั่งทางใต้ของเกาหลีใต้ ระบุว่าต้องการใช้โทเค็นที่มีลักษณะเฉพาะตัว (NFT) เพื่อเปลี่ยนแปลงเศรษฐกิจ

ตามรายงานของ CNB News เกาะเชจูซึ่งเรียกได้ว่ามีข้อกฏหมายและการบริหารเป็นของตัวเอง ต้องการใช้ NFT เพื่อจุดประกายการเติบโตในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว เกษตรกรรม ปศุสัตว์ และการประมง

เกาะเชจูกำลังเรียกความหวังของคริปโตขึ้นมา?


เจ้าหน้าที่ของเกาะเชจูพยายามใช้ระบบกฎหมายของเกาะ เพื่อส่งเสริมการเติบโตโดยขับเคลื่อนผ่านคริปโตมาตั้งแต่ปี 2018

อย่างไรก็ตามยังมีความหวังมีเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ซึ่งจนถึงตอนนี้ ทางฝั่งโซลก็ยังปฏิเสธที่จะปรับจุดยืนที่เข้มงวดในเรื่อง ICO และเกม Play to Earn รวมถึงกฎระเบียบของ NFT

“ในปีนี้ เรากำลังเตรียมความพร้อมโดยมุ่งเน้นไปที่การเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัล โดยหัวใจหลักคือ Web3 เราสามารถนำ Web3 รวมถึง NFT ไปใช้กับทุกภาคส่วนของรัฐบาลได้ นี่จะเป็นก้าวต่อไป”

โอยังฮุน ผู้ว่าการเกาะเชจูกล่าวในปี 2023
โอยังฮุน ผู้ว่าการเกาะเชจูกล่าวในปี 2023

ผู้ว่าฯ ยังกล่าวเสริมว่า เจ้าหน้าที่จังหวัดและตัวแทนภาคเอกชนกำลัง “หารือถึงแนวทางที่จะทำงานร่วมกันต่อไปในอนาคต”

“เรามีเป้าหมายในการเปลี่ยนเกาะเชจูให้เป็น ‘เมืองแห่ง NFT’ เรายังคิดถึงวิธีการชำระเงินที่สะดวกสำหรับทุกคน ทั้งนักท่องเที่ยวชาวเกาหลีใต้และชาวต่างชาติ ซึ่งสามารถใช้ได้ทุกที่ในเชจู”

NFT จะช่วยส่งเสริมเศรษฐกิจเชจูได้อย่างไร


โอยังฮุน แนะนำว่าเทคโนโลยี NFT สามารถช่วยให้เกาะเชจูบรรลุเป้าหมายนี้ได้ ทางด้าน ควอนซูโฮ หัวหน้าฝ่ายปฏิบัติการด้านการศึกษาของสมาคมส่งเสริมอุตสาหกรรมบล็อคเชนแห่งเกาหลี

กล่าวว่าเทคโนโลยีบล็อคเชนและ NFT สามารถนำไปใช้ได้ทั่วเกาะเชจูโดยผู้บริหารจากสถาบันวิจัยเชจู ศูนย์นวัตกรรมเศรษฐกิจสร้างสรรค์เชจู และ “องค์กรอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง” ก็จะเข้าร่วมกับงานนี้ด้วย

ที่มา: Maproom อ้างอิงจากผลงานของ Kokiri [CC BY-SA 3.0]
ที่มา: Maproom อ้างอิงจากผลงานของ Kokiri [CC BY-SA 3.0]

Kwon กล่าวว่านวัตกรรมที่เกี่ยวข้องกับ NFT สามารถ “นำไปใช้กับด้านต่างๆ” ในเชจู ทั้งด้านการชำระเงินและการตรวจสอบย้อนกลับในอุตสาหกรรมการเกษตรและ “การผลิตภัณฑ์ปศุสัตว์”

ผู้ที่เกี่ยวข้องยังแนะนำให้ใช้ NFT สำหรับนักเดินป่าและผู้ที่ชอบเดินบนเส้นทาง Jeju Olle Trail ซึ่งเป็นเส้นทางเดินเท้ายาว 437 กม. บนแนวชายฝั่งของเกาะ

ซึ่งเส้นทางนี้ดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยเสนอแนะให้มอบส่วนลด NFT แก่ผู้ที่สามารถพิชิตเส้นทางได้

นักเดินป่าบนเส้นทาง Jeju Olle (ริกแม็กชาร์ลส์ [CC BY 2.0])
นักเดินป่าบนเส้นทาง Jeju Olle (ริกแม็กชาร์ลส์ [CC BY 2.0])

ทางด้านคนอื่นๆ แนะนำว่า NFT สามารถใช้เพื่อส่งเสริมการขายและสร้างเงินสนับสนุนในภาคเกษตรกรรมและการประมงได้

พวกเขายังกล่าวอีกว่าเจ้าหน้าที่สามารถใช้ NFT ช่วยผู้ผลิตในเชจูเพื่อพิสูจน์ความถูกต้องของสินค้าและอาหารของตน

เชจูมีชื่อเสียงในด้านอาหารอันโอชะ รวมถึงผลิตภัณฑ์จากหมูดำ และอาหารพิเศษในท้องถิ่นที่มีชื่อเสียงอีกอย่างหนึ่งคือ ส้มฮัลลาบง ซึ่งเป็นผลไม้รสเปรี้ยวที่มีความเกี่ยวข้องกับส้มซัตสึมะของญี่ปุ่น

Hallabong บนต้นผลไม้ (ที่มา: แมตต์ คีฟเฟอร์ [CC BY-SA 2.0])
ส้มฮัลลาบงบนต้นผลไม้ (ที่มา: แมตต์ คีฟเฟอร์ [CC BY-SA 2.0])

ผู้เข้าร่วมยังพูดคุยเพิ่มเติมเกี่ยวกับกระบวนการใช้ NFT “ระหว่างการแลกเปลี่ยนสกุลเงินและการชำระเงิน” ในเชจู

และหยิบยกการพูดถึงบัตรกำนัล “สกุลเงินท้องถิ่น” ที่ขับเคลื่อนด้วยบล็อกเชน (หรือที่รู้จักในชื่อ Local stablecoin) ที่สามารถผูกติดกับสกุลเงิน KRW ได้ขึ้นมาอีกครั้ง

เจ้าหน้าที่กล่าวว่าสิ่งเหล่านี้สามารถใช้เพื่อเพิ่มเงินสนับสนุนและเพิ่มการใช้จ่ายของชุมชนในร้านค้าท้องถิ่น