บทเรียนจากยุโรป ‘คริปโตไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับสถาบัน’

สมชาย หวาง
| 3 min read

รัฐสภายุโรปได้เปิดตัวร่างกฎหมายเมื่อต้นปีนี้ ที่อนุญาตให้ธนาคารสมาชิกถือครองเงินทุนได้มากถึงสองเปอร์เซ็นต์เป็นบิทคอยน์หรือสินทรัพย์คริปโตชั้นนำอื่น ๆ แม้ว่านี่จะเป็นสัญญาณที่ชัดเจนว่าสภาพกฎระเบียบทั่วโลกกำลังดีขึ้น แต่ผู้เชี่ยวชาญด้านคริปโตคนหนึ่งยังคงไม่ใส่ใจในทิศทางความคืบหน้าที่เกิดขึ้นนี้

ทางสถาบันมี ‘มีอำนาจ’ ในการควบคุมอยู่


ทั้งผู้ที่ชื่นชอบบิทคอยน์และคริปโต จะพิจารณาร่างกฎหมายที่เพิ่งผ่านมาเมื่อไม่นานมานี้ และสรุปว่ามันเป็นตัวเร่งที่ดีสำหรับภาคส่วนนี้ แล้วทำไมจะไม่ได้ล่ะ? ธนาคารต่างๆ ก็ได้รับไฟเขียวให้สะสมบิทคอยน์ ตามที่พวกเขาตัดสินใจทำเมื่อร่างกฎหมายเข้าใช้ในมกราคม 2025 แล้ว

แต่จากข้อมูลของ Stefan Rust อดีต CEO ของ Bitcoin.com และ CEO คนปัจจุบันของ Truflation กล่าววว่า สถาบันต่าง ๆ ถือเป็น “ผู้มีอำนาจ” ที่ทิ้งนักลงทุนรายย่อยไว้ข้างหลัง ดังนี้

Crypto ไม่เคยเกี่ยวข้องกับสถาบันใดๆ ในความเป็นจริง บิทคอยน์ถูกสร้างขึ้นครั้งแรกเพื่อถ่วงดุลกับระบบเศรษฐกิจที่โดดเด่นซึ่งทำให้นักลงทุนล้มเหลวในปี 2008 ไม่ใช่แค่ธนาคารและสถาบันที่จะสร้างระบบของ Web3 แต่เป็นคนในชีวิตประจำวันที่สามารถควบคุมอิสรภาพทางการเงินของตัวเองได้ในที่สุดต่างหาก และข่าวลจากยุโรปนี้ไม่ได้สนับสนุนความคิดนี้เลย

Rust ให้ความเห็นเพิ่มเติมว่า สถาบันมีความได้เปรียบในการแข่งขันเหนือนักลงทุนรายย่อย ทำให้เกิดความท้าทายอย่างมาก สำหรับนักลงทุนรายใหม่ในการ “เป็นเจ้าของเหรียญผู้เดียว” เขาอธิบายอย่างละเอียดอีกว่า

สิ่งนี้จะเป็นประโยชน์ต่อผู้จัดการ ETF ที่ต้องการสนับสนุน ETF ด้วยบิทคอยน์หรือคริปโตอื่น ๆ ในเรื่องนี้ กการดำเนินกิจกรรมกองทุนเหล่านี้ พวกเขาจำเป็นต้องมีช่องทางในการซื้อสินทรัพย์ที่อ้างอิง ค้นหาผู้ดูแล และจากนั้นจึงสามารถจับคู่สิ่งนั้นกับผลิตภัณฑ์และมูลค่าตลาดของ ETF ได้ แต่ก็ต้องใช้เงินทุนจำนวนมาก

น่าเสียดายที่ ก.ล.ต. มีความล่าช้าในการดำเนินการ


การเปิดตัว Jacobi FT Wilshere Bitcoin ETF เมื่อสัปดาห์ที่แล้วในการแลกเปลี่ยน Euronext Amsterdam และ Rust ยังได้เพิ่มเติมอีกว่า นี่เป็นการแสดงให้เห็นถึง “การพัฒนาที่ดียิ่งขึ้น” สำหรับคริปโต แต่การอนุมัติเพิ่มเติมทั่วโลกนั้นเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับบิทคอยน์และอุตสาหกรรมคริปโต ไม่เพียงแต่เข้าถึงคนจำนวนมากเท่านั้น แต่ยัง “คงไว้ซึ่งจิตวิญญาณที่แท้จริง” ในฐานะสกุลเงินที่กระจายอำนาจซึ่งทุกคนตั้งใจจะรวบรวมไว้

อย่างไรก็ตาม ก็มีการพัฒนาด้านกฎระเบียบบางประการที่ทำให้ใจชื้นขึ้นมาบ้าง ซึ่งรวมถึงการอนุมัติของ Coinbase ในการขายคริปโต Futures ในขณะที่ ETH Futures ETF คาดว่าจะอนุมัติก่อนสิ้นปีนี้ได้

ไม่ว่ายังไง ปฏิกิริยาของตลาดต่อการพัฒนาเหล่านี้ยังคงสงบนื่ง เนื่องจากนักลงทุนไม่ได้มีการตอบสนองต่อข่าวนี้เท่าไหร่นัก Rust จึงบ่นออกมาว่า

แม้ว่าการยอมรับสกุลเงินดิจิทัลทั่วโลกที่เพิ่มขึ้นโดยหน่วยงานกำกับดูแล ถือเป็นการก้าวไปในทิศทางที่ถูกต้อง แต่เราจำเป็นจะต้องมองเห็นโอกาสมากขึ้นสำหรับนักลงทุนรายย่อย นี่ไม่ใช่การเข้าถึงของธนาคารอีกต่อไป แต่นี่เป็นสิ่งที่จำเป็นในการขับเคลื่อนการเติบโตของคริปโตต่อไปในอนาคตต่างหาก