S&P Global กล่าว US Stablecoin อาจถูกยอมรับมากขึ้นหลังมีการเปลี่ยนแปลงกฎหมายใหม่

สมชาย หวาง
| 3 min read

S&P Global กล่าว US Stablecoin อาจถูกยอมรับมากขึ้นหลังมีการเปลี่ยนแปลงกฎหมายใหม่

S&P Global สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือสัญชาติอเมริกันกล่าวว่า การเปลี่ยนแปลงกฎเกณฑ์ภายใต้กฎหมายพระราชบัญญัติ Lummis-Gillibrand Payment Stablecoin อาจทำให้ US Stablecoin ถูกนำมาใช้เพิ่มมากขึ้นเนื่องจากกรอบการกำกับดูแลสามารถหนุนความเชื่อมั่นได้

ในบันทึกการค้นคว้าของแอนดรูว์ โอนีลล์ (Andrew O’Neill) กรรมการผู้จัดการและประธานร่วมของห้องปฏิบัติการวิจัยสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Assets Research Lab) ของ S&P Global กล่าวว่า การกระทำดังกล่าวทำให้มั่นใจว่ากรอบกฎหมายและข้อบังคับจะสนับสนุนความเชื่อมั่นใน Stablecoin เร่งให้มีการนำไปใช้ในระดับสถาบัน ลดการตีพิมพ์ธนาบัตร และลดความซับซ้อนในการให้บริการรูปแบบดิจิทัล

ความชัดเจนด้านกฎระเบียบจะทำให้ธนาคารหันมาใช้ Stablecoins มากขึ้น


พระราชบัญญัติ Lummis-Gillibrand Payment Stablecoin ได้ถูกนำเสนอขึ้นเมื่อวันที่ 17 เมษายน 2024 ซึ่งโอนีลล์ได้อธิบายในบันทึกของเขาว่า ความชัดเจนด้านกฎระเบียบควรจะสนับสนุนให้ธนาคารเข้าสู่ตลาด Stablecoin

“สมมติว่าร่างพระราชบัญญัติได้รับการอนุมัติและกฎระเบียบด้านการธนาคารที่เกี่ยวข้องปฏิบัติตาม กฎหมายใหม่อาจทำให้ธนาคารมีความได้เปรียบในการแข่งขันด้วยการจำกัดสถาบันที่ไม่มีใบอนุญาตประกอบการธนาคารที่สามารถออกเงินได้สูงสุด 10,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

ร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวไม่น่าจะส่งผลกระทบต่อเหรียญ Stablecoin ที่ได้รับการควบคุมโดย New York Department of Financial Services (NYDFS) อย่างมีนัยสำคัญ 

รวมไปถึง PayPal USD, Gemini USD และ Paxos USD เนื่องจากเหรียญพวกนี้อยู่ในเกณฑ์ที่ต่ำกว่า 10,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และเพราะมันเป็นอย่างนั้นอีกนัยหนึ่งคือมีความมั่นคงเป็นอย่างมากตามคำแนะนำของ NYDFS”

แอนดรูว์ โอนีลล์ กรรมการผู้จัดการและประธานร่วมของห้องปฏิบัติการวิจัยสินทรัพย์ดิจิทัลของ S&P Global กล่าว

อำนาจของ Tether อาจน้อยลง


หมายเหตุที่สำคัญอีกประการหนึ่งจากโอนีลล์คือ อำนาจของ Tether (USDT) ในตลาด Stablecoin อาจลดลง Tether เป็น Stablecoin ที่ใหญ่ที่สุดเมื่อพิจารณาจากปริมาณการใช้งานที่เห็นได้ชัด เหรียญนี้ออกโดยหน่วยงานที่ไม่ใช่ของสหรัฐอเมริกา ดังนั้น เหรียญนี้จึงไม่ใช่ Stablecoin ที่สามารถใช้เพื่อการชำระเงินที่ได้รับอนุญาตภายใต้ร่างกฎหมายที่ถูกเสนอ 

ซึ่งนี่หมายความว่าหน่วยงานในสหรัฐฯ ไม่สามารถถือครองหรือทำธุรกรรมด้วย Tether ซึ่งนี่อาจลดความต้องการในขณะที่มีการออกเหรียญ US Stablecoin เพิ่มมากขึ้น อย่างไรก็ตาม เราทราบว่าการทำธุรกรรมด้วย Tether ส่วนใหญ่เกิดขึ้นที่นอกสหรัฐอเมริกา ในตลาดเกิดใหม่ และขับเคลื่อนโดยผู้ใช้รายย่อยและการโอนเงิน” โอนีลล์ กล่าว

ในเดือนธันวาคม S&P Global กล่าวว่าได้เริ่มมีการประเมินความสามารถของ Tether ในการรักษาค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งถูก ‘จำกัด’ ไว้ที่ระดับที่ 4

S&P ระบุไว้ในปี 2023 ว่า Stablecoins คือเงินดิจิทัล (Cryptocurrency) โดยมูลค่าของเหรียญจะเทียบเท่ากับปริมาณหรือสกุลเงิน Fiat โดย Tether อยู่ภายใต้การพิจารณาอย่างละเอียดมานานหลายปี – เหรียญ Stablecoin เหรียญนี้สร้างขึ้นในปี 2014 และเป็นเหรียญที่ถูกใช้มาอย่างยาวนานมากที่สุดและมีปริมาณการหมุนเวียนมากที่สุด ราคาของเหรียญยังคงค่อนข้างคงที่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาและโดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา 

การประเมินความเสี่ยงคือมีตั้งแต่ 1 ถึง 5 – ระดับ 5 คือระดับที่อ่อนและ Tether ได้ถูกประเมินว่าอยู่ในระดับอ่อนเนื่องจากขาดการเปิดเผยข้อมูล

อาจมีการบริการใหม่เพิ่มขึ้นในตลาด


ประเด็นสำคัญอีกประการหนึ่งที่โอนีลล์ชี้ให้เห็นคือ การเพิกถอนข้อกำหนดของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ที่กำหนดให้ผู้ดูแลต้องรายงานสินทรัพย์ดิจิทัลในงบดุล ซึ่งอาจส่งผลให้มีการบริการการดูแลใหม่เพิ่มขึ้น

“นโยบายดังกล่าวไม่เพียงแต่แตกต่างไปจากการปฏิบัติโดยทั่วไปต่อสินทรัพย์ทางการเงินที่อยู่ภายใต้การดูแล ซึ่งโดยทั่วไปจะเป็นงบดุล แต่นโยบายดังกล่าวจะสร้างความต้องการทางด้านเงินทุนที่อาจกีดกันสถาบันการเงินจากการจัดหาการดูแลสินทรัพย์ดิจิทัลในสหรัฐอเมริกา กฎใหม่จะขจัดอุปสรรคดังกล่าวและอาจนำไปสู่การแข่งขันที่มากขึ้น” โอนีลกล่าว