ซีอีโอของ Ripple ระบุ ประธาน SEC จะทำให้ Biden แพ้การเลือกตั้ง
Brad Garlinghouse ซีอีโอของ Ripple วิพากษ์วิจารณ์มุมมองและการกระทำของ Gary Gensler ประธาน ก.ล.ต. สหรัฐ (SEC) ที่มีต่ออุตสาหกรรมคริปโตเมื่อวันที่ 25 มิถุนายน โดยระบุว่าการกระทำเหล่านั้นอาจจะส่งผลเสียต่อการที่ประธานาธิบดี Biden จะได้รับเลือกกลับเข้ามาอีกครั้งในเดือนพฤศจิกายน
ซีอีโอของ Ripple เรียกร้องให้ถอดถอนประธาน SEC
Garlinghouse โต้ตอบต่อการให้สัมภาษณ์ที่กลายเป็นไวรัลของประธาน SEC สหรัฐฯ
กับนักข่าว Annmarie Horder ที่งาน Bloomberg Invest ในนิวยอร์กเมื่อวันที่ 25 มิถุนายนที่ผ่านมา
ในการให้สัมภาษณ์ดังกล่าว Gary Gensler วิพากษ์วิจารณ์อุตสาหกรรมคริปโต โดยกล่าวว่าเป็นวงการที่อดีตเหล่าผู้บุกเบิกถ้าไม่ถูกจำคุกอยู่ก็กำลังต่อสู้คดีในชั้นศาล
เขายังกล่าวอีกว่าภาคส่วนนี้ไม่ปฏิบัติตามกฎระเบียบที่มีอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งนำไปสู่การตัดสินโทษต่อผู้บริหารระดับสูงในวงการ
ซีอีโอของ Ripple ปฏิเสธความเห็นของ Gensler ในการสัมภาษณ์ดังกล่าว และระบุว่ามันเป็น “เรื่องไร้สาระอย่างสิ้นเชิง”
Garlinghouse ยังวิพากษ์วิจารณ์รูปแบบความเป็นผู้นำของ Gensler ที่มีต่อการล่มสลายของ FTX โดยให้ความเห็นว่าการล้มละลายของกระดานเทรดนี้ในเดือนพฤศจิกายน 2022 เผยให้เห็นถึงการบริหารจัดการที่ผิดพลาดอย่างร้ายแรง
Press Release pic.twitter.com/rgxq3QSBqm
— FTX (@FTX_Official) November 11, 2022
ข้อมูลจากการสืบสวนแสดงให้เห็นว่า FTX นำเงินทุนของลูกค้าไปใช้ในทางที่ผิด โดยผู้ก่อตั้งและซีอีโอ Sam Bankman-Fried (SBF) ใช้เงินเหล่านี้เพื่อสนับสนุนทางการเมือง, บริจาคให้สถาบันต่างๆ เช่น Stanford, และใช้ไปในเรื่องส่วนตัวของตนอย่างฟุ่มเฟือย
นอกจากนี้ ยังมีรายงานเรื่องความสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดระหว่าง SBF และ Gensler ก่อนที่ FTX จะประกาศล้มละลาย แหล่งข่าวระบุว่า พรรคพวกเก่าของ Gensler บางคนยังทำงานให้กับ FTX และรับผิดชอบในการจัดการประชุมระหว่าง SBF และประธาน SEC
สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร Tom Emmer ถึงกับกล่าวหาว่า Gensler ได้ช่วยเหลือ Bankman-Fried และ FTX ในการใช้ช่องโหว่ทางกฎหมายเพื่อสร้างการผูกขาดด้านกฎระเบียบ
Interesting. @GaryGensler runs to the media while reports to my office allege he was helping SBF and FTX work on legal loopholes to obtain a regulatory monopoly. We're looking into this. https://t.co/SznowgcP6V
— Tom Emmer (@GOPMajorityWhip) November 10, 2022
ที่น่าสนใจก็คือ ปฏิกิริยานี้จากซีอีโอของ Ripple อาจจะมีสาเหตุมาจาก การต่อสู้ทางกฎหมายที่ดำเนินอยู่ระหว่าง Ripple และ SEC ซึ่งเริ่มขึ้นในปี 2020 เมื่อ Ripple ถูกกล่าวหาว่าขายหลักทรัพย์ที่ไม่ได้จดทะเบียน ซึ่งนำไปสู่ข้อเสนอของ SEC ในการเรียกค่าปรับต่อบริษัทเป็นจำนวนเงิน 2 พันล้านดอลลาร์ และ Ripple ได้ยื่นคัดค้านคำขอของ SEC โดยเสนอเงินให้ที่ 10 ล้านดอลลาร์แทน
การต่อสู้ทางกฎหมายมาถึงจุดเปลี่ยนอีกครั้งหลังจากที่ SEC มีข้อตกลงมูลค่า 4.47 พันล้านดอลลาร์กับ Terraform Labs และ Do Kwon ผู้ก่อตั้ง ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้ Ripple นำเอาเรื่องนี้มาโต้แย้งเพื่อขอลดค่าปรับ ทนายความของ Ripple ระบุว่า ในขณะที่ Terraform เผชิญกับข้อหาฉ้อโกงที่สร้างความเสียหายมูลค่าหลายพันล้าน แต่ Ripple เพียงถูกกล่าวหาว่าขายหลักทรัพย์ที่ไม่ได้จดทะเบียน โดยไม่มีข้อหาฉ้อโกงด้วยซ้ำ
การเลือกตั้งบิทคอยน์: ใครที่จะชนะ?
ในขณะที่ SEC ยังคงสร้างข่าวในแง่ลบให้กับฝั่ง Biden เหล่าผู้สังเกตการณ์ด้านคริปโตเชื่อว่า หน่วยงานนี้กำลังเปิดทางให้ Donald Trump ผู้สมัครที่ให้การสนับสนุนคริปโต เพื่อคว้าชัยชนะในเดือนพฤศจิกายน
ในฝั่งรัฐบาลของ Biden ด้วยความช่วยเหลือของ ก.ล.ต.สหรัฐฯ ได้มีการบังคับใช้นโยบายที่เข้มงวดและเริ่มดำเนินคดีกับบริษัทคริปโตต่างๆ ซึ่งส่งผลให้นวัตกรรมคริปโตใหม่ๆ ถูกจำกัดเป็นอย่างมาก
ในทางกลับกัน Trump วางสถานะตัวเองเป็นผู้กอบกู้ของอุตสาหกรรมคริปโต และได้เรียกร้องให้ยุติความเป็นปรปักษ์ต่ออุตสาหกรรมคริปโตในสหรัฐอเมริกา
การสนับสนุนวงการคริปโตของ Trump นั้นเห็นได้อย่างชัดเจนจากการตัดสินใจของทีมหาเสียงที่จะรับบริจาคคริปโตเพื่อสร้าง “กองทัพคริปโต” เพื่อต่อสู้กับ “กองทัพต่อต้านคริปโต”
ในช่วงต้นเดือนมิถุนายน Trump สัญญาว่าจะเป็นประธานาธิบดีแห่งอุตสาหกรรมคริปโตในงานระดมทุนของเขา ซึ่งเขาพยายามที่จะกันตัวเองออกมาจากนโยบายที่เข้มงวดที่ดำเนินการโดยรัฐบาล Biden
นอกจากนี้ เขายังได้ให้คำมั่นสัญญาว่าจะมีการบูรณาการและมาตรการใหม่ๆ เพื่อช่วยเหลืออุตสาหกรรมคริปโตในสหรัฐฯ และคำสัญญานี้คือสิ่งที่โน้มน้าวให้เหล่าสาวกคริปโตจำนวนมากหันมาสนับสนุน Trump